ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.อยุธยา ปรับกลยุทธ์กองทุนหุ้นลุย "หุ้นคุณค่า-หุ้นดีเฟนซีฟ" ดักรอเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังผวาวิกฤติเศรษฐกิจช่วงต้นปีถือเงินสดกว่า 10% ฟันธงดอกเบี้ยปรับขึ้นกลางปี 53
นายประภาส ตันติพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) กล่าวว่า เเนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปี 2553 นั้นเรามองว่าน่าจะอยู่ในกรอบ 800-850จุด ซึ่งจะมีการแกว่งตัวผันผวน 20% โดยต้นปีดัชนีจะมีเเรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ประกอบกับมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เเละกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มียอดคงค้างจากช่วงปลายปี
ส่วนเเนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2553 นั้นคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้บประมาณไตรมาส 3 เป็นต้นไป ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังค่อนข้างเปาะบาง พร้อมกับยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการเมือง โครงการมาบตาพุด เป็นต้น ทั้งนี้หากมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั้นน่าจะอยู่ที่ 25-50 สตางค์
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของบลจ.ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาอาจจะน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์เล็กน้อย ซึ่งในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อต้นปี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯค่อนข้างมีความผันผวน เราจึงปรับการลงทุนของกองทุนหุ้น โดยเพิ่มสัดส่วนในการถือเงินสดประมาณ 10% จากเดิมที่มีเงินสดไม่ถึง 5% ซึ่งตอนนี้เราลงทุนเต็มพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้เรายังทยอยเก็บหุ้นที่ไม่ได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว(ดีเฟนซีฟ)อาจจะจะให้ผลตอบแทนไม่สูงในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวแล้ว มีความผันผวนน้อยกว่าเวลาที่ดัชนีปรับตัวลดลง
"หลังจากการปรับพอร์ตเเล้วเราเชื่อว่า ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนหุ้นที่บลจ.ให้ความสนใจคือ หุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หุ้นคุณค่า หุ้นที่มีการเติบโตที่ดี มีกระเเสเงินสดที่ดี เเละมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เป็นต้น" นายประภาส กล่าว
นอกจากนี้ เรามีเเผนจะเปิดขายกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ FIF เพิ่มขึ้นอีก 2 กองทุน ซึ่งจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีน เเละกองทุนที่ลงทุนในเเถบละตินอเมริกา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนนอกเหนือไปจากองทุน FIF ที่บลจ.ได้รับการโอนมาจากบลจ.พรีมาเวส์ นอกจากนี้กองทุนที่ได้รับการโอนย้ายมาทางบลจ.อยุธยา จะมีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งเพื่อให้นักลงทุนได้รู้จักเเละเข้าใจถึงการบริหารกองทุนในสไตล์ของบลจ.อยุธยา
ทั้งนี้ นอกจากกองทุนหุ้น เเละกองทุนตราสารหนี้เเล้ว เราก็สนใจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในอนาคตก็อาจจะการเปิดขายกองทุนอสังหาฯ นอกเหนือจากการได้รับโอนมาจากบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วย และคาดว่าภายในปี 2553 นี้เราจะมีกองทุนใหม่ที่เปิดขายไอพีโออย่างน้อย 3 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอีกด้วย
นายประภาส ตันติพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) กล่าวว่า เเนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปี 2553 นั้นเรามองว่าน่าจะอยู่ในกรอบ 800-850จุด ซึ่งจะมีการแกว่งตัวผันผวน 20% โดยต้นปีดัชนีจะมีเเรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ประกอบกับมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เเละกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มียอดคงค้างจากช่วงปลายปี
ส่วนเเนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2553 นั้นคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้บประมาณไตรมาส 3 เป็นต้นไป ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังค่อนข้างเปาะบาง พร้อมกับยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการเมือง โครงการมาบตาพุด เป็นต้น ทั้งนี้หากมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั้นน่าจะอยู่ที่ 25-50 สตางค์
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของบลจ.ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาอาจจะน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์เล็กน้อย ซึ่งในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อต้นปี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯค่อนข้างมีความผันผวน เราจึงปรับการลงทุนของกองทุนหุ้น โดยเพิ่มสัดส่วนในการถือเงินสดประมาณ 10% จากเดิมที่มีเงินสดไม่ถึง 5% ซึ่งตอนนี้เราลงทุนเต็มพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้เรายังทยอยเก็บหุ้นที่ไม่ได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว(ดีเฟนซีฟ)อาจจะจะให้ผลตอบแทนไม่สูงในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวแล้ว มีความผันผวนน้อยกว่าเวลาที่ดัชนีปรับตัวลดลง
"หลังจากการปรับพอร์ตเเล้วเราเชื่อว่า ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนหุ้นที่บลจ.ให้ความสนใจคือ หุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หุ้นคุณค่า หุ้นที่มีการเติบโตที่ดี มีกระเเสเงินสดที่ดี เเละมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ เป็นต้น" นายประภาส กล่าว
นอกจากนี้ เรามีเเผนจะเปิดขายกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ FIF เพิ่มขึ้นอีก 2 กองทุน ซึ่งจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีน เเละกองทุนที่ลงทุนในเเถบละตินอเมริกา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนนอกเหนือไปจากองทุน FIF ที่บลจ.ได้รับการโอนมาจากบลจ.พรีมาเวส์ นอกจากนี้กองทุนที่ได้รับการโอนย้ายมาทางบลจ.อยุธยา จะมีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งเพื่อให้นักลงทุนได้รู้จักเเละเข้าใจถึงการบริหารกองทุนในสไตล์ของบลจ.อยุธยา
ทั้งนี้ นอกจากกองทุนหุ้น เเละกองทุนตราสารหนี้เเล้ว เราก็สนใจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในอนาคตก็อาจจะการเปิดขายกองทุนอสังหาฯ นอกเหนือจากการได้รับโอนมาจากบลจ.พรีมาเวสท์ ด้วย และคาดว่าภายในปี 2553 นี้เราจะมีกองทุนใหม่ที่เปิดขายไอพีโออย่างน้อย 3 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอีกด้วย
