xs
xsm
sm
md
lg

การเริ่มต้นลงทุนในหลักทรัพย์ (ตอน 4)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ถนนสู่การลงทุน
ดร.กิตติพันธ์ คงสวัสดิ์เกียรติผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสาทรธานี
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจไซเบอร์ (RSU Cyber University)
และผู้จัดการโครงการหลักสูตร MBA มหาวิทยาลัยรังสิต


ก่อนที่ผู้ลงทุนจะเริ่มต้นการลงทุน ผู้ลงทุนมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงเครื่องมือต่าง ๆ ในการลงทุน ทั้งนี้เครื่องมือในการลงทุนหรือ ตราสารทางการเงินที่ใช้ในการลงทุนประกอบด้วย

ตราสารทุน (Equity Instruments) เป็นตราสารทางการเงินชนิดหนึ่งที่บริษัทออกจำหน่ายให้แก่ผู้ถือ (Holder) หรือผู้ลงทุน เพื่อเป็นการระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ลงทุนหรือผู้ถือตราสารทุนนั้นจะมีฐานะเป็น “เจ้าของกิจการ” ซึ่งจะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย หรือมีสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ รวมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) เมื่อกิจการมีกำไร หรือมีกระแสเงินสดอย่างเพียงพอ แต่บริษัทที่ออกตราสารทุนไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอทุกปี โดยการตัดสินใจในการจ่ายเงินปันผลนี้จะขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัท และนโยบายในการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ว่าบริษัทใช้นโยบายใดในการจ่ายเงินปันผล หรือมีแนวคิดในการจ่ายเงินปันผลอย่างไร ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจ และโอกาสในการลงทุนในอนาคต โดยทั่วไปแล้วตราสารทุนสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

หุ้นสามัญ (Common Stock) 
เป็นตราสารทุนประเภทหุ้นทุน ซึ่งออกจำหน่ายโดยบริษัทมหาชนจำกัด ที่ต้องการระดมเงินทุนจากประชาชนผู้ลงทุน โดยผู้ซื้อ/ผู้ถือหุ้นสามัญจะมีสิทธิร่วมเป็นเจ้าของบริษัท มีสิทธิในการออกเสียงลงมติต่างๆ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครองอยู่ โดยร่วมเป็นผู้ตัดสินใจในปัญหาสำคัญต่าง ๆ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เช่น การเพิ่มทุน การจ่ายเงินปันผล การควบรวมกิจการ ฯลฯ
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิได้รับเงินปันผลเมื่อบริษัทมีผลกำไร หรือได้รับเงินปันผลตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท และผู้ลงทุนนี้จะมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นสามัญ เมื่อราคาหุ้นสามัญนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่เมื่อบริษัทต้องการที่จะเพิ่มทุนหรือจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิต่างๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้น

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
เป็นตราสารทุนประเภทหุ้นทุนเช่นเดียวกัน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์นี้จะมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่มีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญบางประการ คือ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ หรือต้องยุติการดำเนินงานโดยกระทันหัน

หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture)
เป็นตราสารหนี้ที่มีสิทธิเปลี่ยนมาเป็นตราสารทุนได้ในอนาคต หุ้นกู้แปลงสภาพนี้จะมีสิทธิที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในช่วงเวลา อัตรา และราคาที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจดี หุ้นกู้แปลงสภาพนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพส่วนใหญ่จะคาดหวังผลตอบแทนที่จะได้รับจากการแปลงสภาพมาเป็นหุ้นสามัญ เพราะจะทำให้ราคาของหุ้นสามัญนั้นดีกว่าการทำกำไรจากผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยของหุ้นกู้ธรรมดา

ใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอแรนท์ (Warrant) 
เป็นตราสารทุนที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ที่ใบสำคัญแสดงสิทธินั้นอ้างอิงอยู่ (Underlying Asset) โดยหลักทรัพย์ที่ใบสำคัญแสดงสิทธินั้นอ้างอิงอยู่ ประกอบด้วย หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หรือตราสารอนุพันธ์ ตามราคาใช้สิทธิ (Exercise Price) จำนวนที่ให้ใช้สิทธิ (นิยมใช้เป็นอัตราส่วน) และภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ถ้าหากผู้ลงทุนถือใบสำคัญแสดงสิทธิจนพ้นกำหนดระยะเวลาแล้ว ผู้ลงทุนก็จะไม่สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้

ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) 
เป็นตราสารทุนที่มีลักษณะเหมือนกับใบสำคัญแสดงสิทธิทั่วไป (Warrant) โดยบริษัทผู้ออกจำหน่าย (Issuer) ให้สิทธิแก่ผู้ถือ DW ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying Securities) โยที่หลักทรัพย์อ้างอิง อาจเป็น หุ้นสมัญ (Stock) หรือดัชนีหลักทรัพย์ (Index) ก็ได้ โดยมีการกำหนดราคาใช้สิทธิ อัตราการใช้สิทธิ และระยะเวลาใช้สิทธิที่กำหนดไว้ และบริษัทผู้ออกจำหน่ายจะเป็นผู้กำหนดว่าจะเลือกทำการส่งมอบเป็นหลักทรัพย์หรือเงินสดก็ได้

ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (Transferable Subscription Rights: TSR) 
เป็นตราสารทุนที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญตามสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ผู้ถือหุ้นสามัญครอบครองอยู่เดิม เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามัญใช้เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นสามัญเดิมที่ ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ก็จะสามารถขายหรือโอนสิทธินั้นให้แก่ผู้อื่นได้ เป็นการเสริมสภาพคล่องให้แก่หุ้นสามัญของบริษัทและช่วยให้บริษัทสามารถระดมเงินทุนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ การออกตราสารประเภทนี้ ยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้ลงทุนต่างประเทศที่มีข้อจำกัดในการลงทุนเพิ่ม หรือเกินกว่าสิทธิที่พึ่งถือหุ้นได้ตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยวิธีการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทจดทะเบียนจัดสรรให้ โดยผู้ลงทุนต่างชาติจะสามารถนำ TSR นี้มาขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้

ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย หรือเอ็นวีดีอาร์ (Non - Voting Depositary Receipt: NVDR) 
เป็นตราสารทุนที่ออกโดยบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนโดยอัตโนมัติ (Automatic List) และมีหลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) เป็นหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถซื้อขายเอ็นวีดีอาร์ได้ในลักษณะเช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั่นเอง

ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (Depository Receipt: DR)
เป็นตราสารทุนที่ออกจำหน่ายและเสนอขายโดยบริษัท สยามดีอาร์ จำกัด เป็นหลักทรัพย์ที่ให้สิทธิในการอ้างอิง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งหุ้นสามัญ หุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ ผู้ลงทุนที่ถือ DR จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆเช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ทางการเงิน (Financial Right) หรือสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน (Voting Right) ในบริษัทจดทะเบียน
กำลังโหลดความคิดเห็น