xs
xsm
sm
md
lg

INGเผยนักลงทุนเชื่อมั่นหุ้นไทย แนะลดพอร์ต"เงินฝาก-ทองคำ"รับมืเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. ไอเอ็นจี เผยผลสำรวจนักลงทุน มองตลาดหุ้นไทยเชิงบวก เผยไตรมาส 4 สัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้น ในขณะที่เงินฝากและทองคำ ยังได้รับความนิยมต่อ เหตุความเสี่ยงต่ำ แต่แนะระยะยาว ให้ลดการถือครองลง และเก็บหุ้น-อสังหาฯ รับมือเงินเฟ้อ

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3 จะเห็นได้ว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและผลตอบแทนจากการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ก็อยู่ในระดับที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มั่นคง และการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่ส่งผลอย่างชัดเจน ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนของไทย
“แม้เราจะยังไม่ค่อยมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่คาดหวังว่าจะหลุดพ้นจากภาวะถดถอยเชิงเทคนิคภายในปลายปี 2552 เรายังคาดว่าหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก หรือ สินค้าโภคภัณฑ์จะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นกว่าหุ้นในกลุ่มอื่นอันเนื่องจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4 และครึ่งแรกของปี 2553”
นายต่อ กล่าวว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นักลงทุนไทยค่อนข้างมีความคาดหวังในเชิงบวกสำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเห็นได้ว่านักลงทุนไทยมีสัดส่วนของการลงทุนในกองทุนและหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 37% ในไตรมาส 3 ซึ่งนักลงทุนชาวไทยยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย และคาดว่าตลาดจะมีการเติบโตเฉลี่ย 7.2% ในไตรมาส 4 โดยนักลงทุนหลายรายยังคงมุ่งลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง อาทิ กลุ่มธุรกิจการเงิน , พลังงาน, และเทคโนโลยี อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์จะดีดตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% ในไตรมาส 4 ของปีนี้
นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนไทยมองว่าอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ทรงตัว และเลือกการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยมนักลงทุนชาวไทยมิได้มองว่าอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นและเป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนในระยะปานกลาง ซึ่งแตกต่างจากทัศนคติของนักลงทุนในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ นักลงทุนไทยมากกว่าครึ่ง คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่เพิ่มขึ้นในปี 2553 ขณะคาดว่าอัตราดอกเบี้ยก็จะไม่เพิ่มขึ้นในปีหน้าที่ 58%
นายต่อ บอกเพิ่มเติมว่า ส่วนการลงทุนในเงินฝากและทองคำยังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนไทยในไตรมาส 3 โดยมีการจัดสรรการลงทุนในรูปของเงินฝากคิดเป็นสัดส่วน 48% และทองคำ 12% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เท่ากับไตรมาส 2 ทั้งนี้ สำหรับไตรมาส 4 นักลงทุนไทย ยังจะจัดสรรเงินลงทุนในเงินฝากในสัดส่วนที่สูงขึ้นถึง 63% ในขณะที่สัดส่วนการลงทุนในทองคำที่ 13% ของสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด
“นักลงทุนยังคงเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำทั้งในทองคำและเงินฝาก ซึ่งในระยะใกล้ แม้เราจะยังไม่เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อและทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเรื่องน่ากังวล ทว่าอัตราเงินเฟ้อ อาจกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สูงที่สุดในระยะปานกลางสำหรับการลงทุนทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจากการอุปโภคบริโภคในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มที่จะพุ่งสูงขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงควรมีการคาดการณ์ทิศทางการลงทุนทั้งในระยะปานกลางและระยะยาว โดยลดการถือครองเงินฝากและทองคำ แล้วหันมาเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นการลงทุนที่แท้จริง เช่น หุ้น หรือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อรับมือกับสภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว ”
กำลังโหลดความคิดเห็น