xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสคาดกนง.คงดอกเบี้ยต่อ ผลตอบแทนบอนด์ระยะสั้นยังทรงตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.แอสเซท พลัส เชื่อ กนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ย เหตุปัจจัยเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยอมรับได้ ระบุการแข็งค่าของเงินบาทช่วยให้น้ำมันถูกลง ด้านภาวะตราสารหนี้ไทย ชี้นักลงทุนต่างชาติและกองทุนรวมหวั่นดอกเบี้ย-เงินเฟ้อขึ้น เทขายพันธบัตรรัฐบาลไทยออกทำให้ผลตอบแทนระยะกลางและยาวผันผวน ขณะที่พันธบัตรระยะสั้นยังทรงตัว

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยโดยคาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งนี้ อาจจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยอมรับได้ ประกอบกับแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ประมาณ 1% ในปีหน้า ซึ่งก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจในเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก สำหรับตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น ทั้งตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรม การส่งออก การจ้างงาน และการใช้จ่ายภาคเอกชน ทำให้ กนง.ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยไม่สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ และน่าจะยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรนไปถึงสิ้นปี

นอกจากนี้ นายวิน ยังกล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยว่า สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในระยะสั้นนั้นค่อนข้างทรงตัว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวค่อนข้างผันผวน เนื่องจากแรงขายพันธบัตรรัฐบาลไทยของต่างชาติและกองทุนรวม ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศออสเตรเลีย และการเพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อ จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20-40 bps ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ในช่วงนี้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นน่าจะทรงอยู่ในระดับปัจจุบัน และมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นในระยะยาว โดยหากตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ประกาศออกมา น่าจะส่งผลให้ภาวะการลงทุนในต่างประเทศ และตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้บ้างจากการลงทุน และชอบลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพในประเทศ ในวันที่ 19 ตุลาคม นี้ บลจ.แอสเซทพลัส จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 2 (ASP-ACFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJANA) บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) ธนาคารทิสโก้ (TISCO) และบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) อายุประมาณ 6 เดือน คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.60% ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น