สมาคม ThaiBMA ขานรับนโยบาย "ปกรณ์" ขยายตลาดตราสารหนี้สู่อปท. หนุนระดมทุนด้วยการออกบอนด์ หลังกฎหมายเปิดทาง ชงคลังเข้ามาจัดระเบียบ คาดปีหน้าได้เห็น
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ThaiBMA ได้ให้แนวทางสมาคมว่า ในจังหวะที่ประชาชนและนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนเช่นนี้ ทางสมาคมควรจะต้องเร่งให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับตราสารหนี้ให้มากขึ้นใน เพื่อกระตุ้นให้มีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะต้องพยายามผลักดันให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีการขยายตัวเติบโตมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน
โดยแนวทางหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดได้ คือการเน้นให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้สนใจเข้ามาออกพันธบัตรมากขึ้น เพราะว่าในปัจจุบันมีกฎหมายอนุญาตให้ บรรดา อปท.ต่างๆ สามารถที่จะออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนได้แล้ว ซึ่งหาก อปท. ใหญ่ๆ อาทิ กทม.สนใจที่จะออกพันธบัตรจะทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อมีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ก็จะมีนักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตลาดก็จะขยายตัวขึ้น คึกคักขึ้น แล้วทำให้ อปท.อื่นๆ เห็นประโยชน์ก็จะเข้ามาเป็นผู้ออกพันธบัตรเพิ่มมากขึ้นด้วย สุดท้ายก็จะสามารถทำให้ตลาดตราสารหนี้โดยรวมเติบโตมากขึ้นได้
“การเปิดโอกาสให้ อปท.สามารถระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ได้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ออกพันธบัตร โดยเฉพาะรายที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะออกแล้ว ยังทำให้มีทั้งผลิตภัณฑ์ มีทั้งผู้เล่นเพิ่มเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของตลาดตราสารหนี้ให้มีเพิ่มขึ้นด้วย”นายณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบัน ตามกฎหมาย อปท. จะสามารถออกพันธบัตรเองได้แล้ว แต่ในทางปฏิบัติกระทรวงการคลังคงต้องการที่จะจัดระเบียบ จัดแนวทางดูแลในการออกพันธบัตรก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระต่อทางการในอนาคต รวมทั้งเป็นการป้องกันความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้ด้วย โดยเป็นไปได้ว่าอาจจะทำในรูปของการมีคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาคำขอออกพันธบัตรของบรรดา อปท. เป็นคราวไปว่าสมควรให้ออกหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด เช่นเดียวกับการออก Baht Bond ของนิติบุคคลต่างชาติ ดังนั้น เป็นไปได้ว่าการออกพันธบัตรของบรรดา อปท. ในปีนี้อาจจะยังไม่ทัน น่าจะเป็นในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป
สำหรับบรรยากาศการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รุ่น 1 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทที่ไม่ค่อยคึกคักนั้น นายณัฐพลกล่าวว่า ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนได้ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งไปบ้างแล้ว แต่หากเทียบกับการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งก่อนหน้านี้ พบว่าจำนวนคนจองก็มากกว่าจำนวนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งไว้ตอนแรก โดยส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการเปิดได้อย่างเต็มที่หลายวัน
ส่วนการที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงนั้น เพราะว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในขณะที่กำหนดดอกเบี้ยนั้นแตกต่างกัน โดยพันธบัตรออมทรัพย์แบงก์ชาติให้ผลตอบแทนที่ 3.5% แต่พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งนั้นให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 4% แต่ก็ถือว่าดีกว่าการฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าในระยะหลังธนาคารพาณิชย์จะเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่จูงใจเท่าที่ควร
“อัตราผลตอบแทนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน เพราะว่าทิศทางดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปี แม้ว่าจะยังดูเหมือนว่าทรงๆ ตัวอยู่ แต่แนวโน้มก็ยังมองกันว่าน่าที่จะขยับขึ้นได้บ้างในต้นปีหน้า ซึ่งจะเห็นว่าบรรดาสถาบันการเงินมีการแข่งขันในเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวกันเพิ่มขึ้น จึงทำให้การตัดสินใจเลือกลงทุนในช่วงนี้ เรื่องของทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจึงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจด้วย”กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าว
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ThaiBMA ได้ให้แนวทางสมาคมว่า ในจังหวะที่ประชาชนและนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนเช่นนี้ ทางสมาคมควรจะต้องเร่งให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับตราสารหนี้ให้มากขึ้นใน เพื่อกระตุ้นให้มีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะต้องพยายามผลักดันให้ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีการขยายตัวเติบโตมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน
โดยแนวทางหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดได้ คือการเน้นให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้สนใจเข้ามาออกพันธบัตรมากขึ้น เพราะว่าในปัจจุบันมีกฎหมายอนุญาตให้ บรรดา อปท.ต่างๆ สามารถที่จะออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนได้แล้ว ซึ่งหาก อปท. ใหญ่ๆ อาทิ กทม.สนใจที่จะออกพันธบัตรจะทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อมีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ก็จะมีนักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตลาดก็จะขยายตัวขึ้น คึกคักขึ้น แล้วทำให้ อปท.อื่นๆ เห็นประโยชน์ก็จะเข้ามาเป็นผู้ออกพันธบัตรเพิ่มมากขึ้นด้วย สุดท้ายก็จะสามารถทำให้ตลาดตราสารหนี้โดยรวมเติบโตมากขึ้นได้
“การเปิดโอกาสให้ อปท.สามารถระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ได้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ออกพันธบัตร โดยเฉพาะรายที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะออกแล้ว ยังทำให้มีทั้งผลิตภัณฑ์ มีทั้งผู้เล่นเพิ่มเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของตลาดตราสารหนี้ให้มีเพิ่มขึ้นด้วย”นายณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบัน ตามกฎหมาย อปท. จะสามารถออกพันธบัตรเองได้แล้ว แต่ในทางปฏิบัติกระทรวงการคลังคงต้องการที่จะจัดระเบียบ จัดแนวทางดูแลในการออกพันธบัตรก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระต่อทางการในอนาคต รวมทั้งเป็นการป้องกันความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้ด้วย โดยเป็นไปได้ว่าอาจจะทำในรูปของการมีคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาคำขอออกพันธบัตรของบรรดา อปท. เป็นคราวไปว่าสมควรให้ออกหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด เช่นเดียวกับการออก Baht Bond ของนิติบุคคลต่างชาติ ดังนั้น เป็นไปได้ว่าการออกพันธบัตรของบรรดา อปท. ในปีนี้อาจจะยังไม่ทัน น่าจะเป็นในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป
สำหรับบรรยากาศการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รุ่น 1 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทที่ไม่ค่อยคึกคักนั้น นายณัฐพลกล่าวว่า ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนได้ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งไปบ้างแล้ว แต่หากเทียบกับการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งก่อนหน้านี้ พบว่าจำนวนคนจองก็มากกว่าจำนวนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งไว้ตอนแรก โดยส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการเปิดได้อย่างเต็มที่หลายวัน
ส่วนการที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงนั้น เพราะว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในขณะที่กำหนดดอกเบี้ยนั้นแตกต่างกัน โดยพันธบัตรออมทรัพย์แบงก์ชาติให้ผลตอบแทนที่ 3.5% แต่พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งนั้นให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 4% แต่ก็ถือว่าดีกว่าการฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าในระยะหลังธนาคารพาณิชย์จะเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่จูงใจเท่าที่ควร
“อัตราผลตอบแทนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน เพราะว่าทิศทางดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปี แม้ว่าจะยังดูเหมือนว่าทรงๆ ตัวอยู่ แต่แนวโน้มก็ยังมองกันว่าน่าที่จะขยับขึ้นได้บ้างในต้นปีหน้า ซึ่งจะเห็นว่าบรรดาสถาบันการเงินมีการแข่งขันในเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวกันเพิ่มขึ้น จึงทำให้การตัดสินใจเลือกลงทุนในช่วงนี้ เรื่องของทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจึงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจด้วย”กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าว