บลจ. อเบอร์ดีน ชี้หุ้นไทยรับแรงหนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มก่อสร้าง-แบงก์ ย้ำอีก 2-3 ปีจะชัดเจนมากขึ้นอีก แต่เตือนนักลงทุน เร็วๆนี้เห็นแรงขายทำกำไรแน่ หลังหุ้นพุ่งเกินพื้นฐานที่แท้จริง แถมหวั่นปัจจัยการเมืองฉุดการลงทุนเพิ่มอีกหากรัฐบาลถูกถล่มจนต้องยุบสภา พร้อมปลื้มยอดขาย "อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์" สูงสุดของกอง FIF ที่เคยเปิดขาย นักลงทุนยอมรับหอบเงินลงทุนร่วม 500 ล้านบาท
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นและแนวโน้มของไทยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ตลาดหุ้นของไทยปรับเเพิ่มขึ้นมาประมาณ 50% โดยมีเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัญญาญทางเศรษฐกิจที่ดีเข้ามา
ดังนั้น นักลงทุนที่ถือเงินสดไว้มากก่อนหน้านี้จึงได้กลับเข้ามาลงทุน เพราะกลัวจะเสียโอกาส ซึ่งมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่าช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว เพราะมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามากระทบ แต่การปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดหุ้นไทยนั้น ยังไม่ได้สะท้อนถึงเรื่องปัจจัยพื้นฐานอย่างแท้จริง เนื่องจากบริษัทต่างๆยังไม่ได้ดีขึ้นมาอย่างชัดเจน เช่น ในส่วนของการอุปโภคบริโภค ที่ปรับตัวดีขึ้นมาเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน จากมาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้ ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับผลดีโดยตรง เช่น กลุ่ม ก่อสร้าง ธนาคาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะส่งผลให้เห็นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยในช่วงระยะสั้นอาจส่งผลให้เห็นบ้างแล้วเช่น การแจกเช็คช่วยชาติ ที่ผ่านมา
"เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างปกติ รวมทั้งตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก ดังนั้น จึงอาจเห็นการขายทำกำไรอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของสถานการณ์การลงทุนแบบนี้"นายอดิเทพกล่าว
ส่วนปัจจัยทางการเมืองนั้น นายอดิเทพกล่าวว่า ยังมองในแง่ที่ดีอยู่เพราะการทำงานของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทำงานไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งความเสี่ยงจากเรื่องของการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนนั้น นักลงทุนได้รับรู้ไปมากแล้ว แต่อาจจะมีผลกระทบได้ในกรณีหากเกิดการยุบสภาขึ้น อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังทำงานต่อไปได้และมีนโยบายในการบริหารอย่างต่อเนื่องแล้ว น่าจะส่งผลดีต่อประเทศได้
ด้านนายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนรวมต่างประเทศกองที่ 6 ของ บลจ.อเบอร์ดีน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนในช่วงเสนอขายครั้งแรกที่สูงที่สุดของกองทุนหุ้นต่างประเทศที่เปิดเสนอขายนับตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดจองซื้อหน่วยลงทุน ร่วม 500 ล้านบาท ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันอเบอร์ดีนมีทรัพย์สินของกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศภายใต้การบริหารจัดการ ซึ่งเดิมมีทรัพย์สินรวม 3,603.35 ล้านบาท (ณ วันที่ 7 ก.ย. 52) เพิ่มขึ้นเป็น 4,094.77 ล้านบาท
ขณะที่นายนิโคลัส โยว ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน เอเชีย ในฮ่องกง กล่าวผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์จากฮ่องกงว่า เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เพราะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังปรับตัวลงมาในขณะนี้ ซึ่งทางอเบอร์ดีนได้เลือกลงทุนผ่านตลาดในฮ่องกงเพราะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า รวมถึงมีการดำเนินการอย่างเป็นมืออาชีพและมีมาตรฐานระดับสากล
สำหรับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ จะเสนอขายหน่วยลงทุนแก่นักลงทุนทั่วไปอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2552 เป็นต้นไป และจะคิดค่าธรรมเนียมการเสนอขายหน่วยลงทุนในอัตราร้อยละ 1.50 ของมูลค่าหน่วยลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถสั่งซื้อหน่วยลงทุนได้ที่อเบอร์ดีนหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ด้วยมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
ทั้งนี้ ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งทางเลือกในการลงทุนกับกองทุนที่ลงทุนในจีนของ บลจ.อื่นๆ ที่มีอยู่หลายกองแล้วในขณะนี้ อเบอร์ดีน มั่นใจว่าเหตุผลหลักที่นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดีกับกองทุนนี้ ก็เนื่องมาจากความไว้วางใจในการบริหารกองทุนของอเบอร์ดีน ที่มีแนวทางการบริหารจัดการเชิงรุก
ด้วยการเยี่ยมชมบริษัท เน้นลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี งบการเงินที่แข็งแกร่ง และไม่มุ่งที่จะเกาะกระแสหรือตามอย่างความนิยมในระยะสั้น แต่มุ่งที่จะลงทุนอย่างมีวินัยเพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้นักลงทุนที่ประสงค์จะลงทุนในระยะยาวในแบบฉบับของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor)