คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
นช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.25 จุดหรือ 4.69% โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 52 SET Index ปิดที่ระดับ 653.25 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 20,786 ล้านบาท โดยในช่วงแรกของเดือน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศได้แก่การคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/52 และการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อีกทั้งตลาดต่างประเทศได้รับแรงหนุนจากผลกำไรภาคเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังอ่อนแรงลง โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่างๆ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลยจีดีพีไตรมาส 2/52 กิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิต (ISM Manufacturing) การใช้จ่ายด้านก่อสร้างของสหรัฐฯ รวมทั้งยอดขายรถยนต์ของสหรัฐฯ
ในส่วนเงินเฟ้อ (CPI) ของไทยในเดือน ก.ค. 52 ลดลง 4.4% YoY และไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย. 52 เทียบกับผลสำรวจที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -4.2% YoY โดยเงินเฟ้อที่ลดลง เป็นผลจากราคาน้ำมันในช่วงปีก่อนอยู่ ส่งผลผลักดันให้ SET Index ขึ้นไปเหนือระดับ 655 หลังจากนั้น SET Index ได้ปรับตัวลงเล็กน้อยโดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงจากแรงกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ กดดันราคาทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดปรับตัวลงตาม รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเรื่องสินเชื่อของจีนหลังจากมีข่าวว่าทางการจีนอาจจะคุมเข้มเงินทุนสำหรับธนาคารขนาดเล็ก โดยให้เพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินทุนอย่างไม่เป็นทางการสู่ระดับ 12% ขณะที่เพดานขั้นต่ำอยู่ที่ 8% โดย SET Index ปรับตัวลดลงแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 625.83 ในวันที่ 18 สิงหาคม
ต่อมาในช่วงปลายเดือน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศหลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลการผลิตและการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรวมทั้งความคิดเห็นเชิงบวกจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดที่ 661.04 จุดในวันที่ 26 สิงหาคม นอกจากนั้นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% โดยในเดือนนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2,996 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 1,477 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 1,518 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกันยายน
ในช่วงเดือนกันยายน SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 640-700 จุด โดยตลาดหุ้นน่าจะเข้าสู่ภาวะผันผวนหลังจากที่ตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากจึงทำให้มีโอกาสพักฐานในระยะสั้น นอกจากนั้น ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศตลอดจนปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
นช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.25 จุดหรือ 4.69% โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 52 SET Index ปิดที่ระดับ 653.25 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 20,786 ล้านบาท โดยในช่วงแรกของเดือน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศได้แก่การคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/52 และการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อีกทั้งตลาดต่างประเทศได้รับแรงหนุนจากผลกำไรภาคเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังอ่อนแรงลง โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่างๆ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลยจีดีพีไตรมาส 2/52 กิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิต (ISM Manufacturing) การใช้จ่ายด้านก่อสร้างของสหรัฐฯ รวมทั้งยอดขายรถยนต์ของสหรัฐฯ
ในส่วนเงินเฟ้อ (CPI) ของไทยในเดือน ก.ค. 52 ลดลง 4.4% YoY และไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย. 52 เทียบกับผลสำรวจที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -4.2% YoY โดยเงินเฟ้อที่ลดลง เป็นผลจากราคาน้ำมันในช่วงปีก่อนอยู่ ส่งผลผลักดันให้ SET Index ขึ้นไปเหนือระดับ 655 หลังจากนั้น SET Index ได้ปรับตัวลงเล็กน้อยโดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงจากแรงกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ กดดันราคาทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดปรับตัวลงตาม รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเรื่องสินเชื่อของจีนหลังจากมีข่าวว่าทางการจีนอาจจะคุมเข้มเงินทุนสำหรับธนาคารขนาดเล็ก โดยให้เพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินทุนอย่างไม่เป็นทางการสู่ระดับ 12% ขณะที่เพดานขั้นต่ำอยู่ที่ 8% โดย SET Index ปรับตัวลดลงแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 625.83 ในวันที่ 18 สิงหาคม
ต่อมาในช่วงปลายเดือน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศหลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลการผลิตและการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรวมทั้งความคิดเห็นเชิงบวกจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดที่ 661.04 จุดในวันที่ 26 สิงหาคม นอกจากนั้นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% โดยในเดือนนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2,996 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 1,477 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 1,518 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกันยายน
ในช่วงเดือนกันยายน SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 640-700 จุด โดยตลาดหุ้นน่าจะเข้าสู่ภาวะผันผวนหลังจากที่ตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากจึงทำให้มีโอกาสพักฐานในระยะสั้น นอกจากนั้น ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศตลอดจนปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดอีกด้วย