xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นแรงทุบสถิติ5วันเกือบ30จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการ – ดัชนีตลาดหุ้นพุ่งแรงทำสถิติใหม่รอบ 1 ปี ปิดที่ 682.57 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด 5วันบวกเพิ่มเกือบ 30 จุด ภาพรวมต่างชาติซื้อสุทธิแล้ว 3.2 หมื่นล้าน โบรกฯชี้โตตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังเม็ดเงินไหลเข้าเอเชีย ส่วนวันนี้(8ก.ย.)มีลุ้นปรับตัวขึ้นต่อ ด้านก.ล.ต.ยืนกรานค่าคอมมิชชั่นขั้นบันใดคิดอัตราเดิม บล.ทำใจรับสภาพ โอดรายได้ลด ต้นทุนพุ่งแน่ ยอมรับการหั่นนักวิเคราะห์ทิ้งคือหนึ่งในทางออก เช่นเดียวกับหารายได้อื่นเสริม
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วานนี้(7ก.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 ปี โดยปิดที่ 682.57 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด หรือ 2.12% จากเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 ที่ดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 675.22 จุด โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลง 11.40% ของดัชนีหลักทรัพย์ในรอบ 3 เดือนล่าสุด และ 60.25% ในรอบ 6เดือนล่าสุด
โดยระหว่างวัน ดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 682.57 จุด และต่ำสุดที่ 673.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,183 ล้านบาท และเมื่อย้อนดูมูลค่าการซื้อขาย 5 วันทำการล่าสุด (1-7 ก.ย.) พบว่ามีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 28.45 จุด จากวันที่ 1 ก.ย.ซึ่งอยู่ที่ 654.12 จุด
นอกจากนี้ เมื่อแยกเป็นประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,199.63 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อสุทธิ 1,127.96 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,327.58 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี (1ม.ค.) พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิรวมแล้ว 32,449.33 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงของดัชนีหุ้นวานนี้เป็นไปตามเป็นไปตามภูมิภาค ซึ่งมาจากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาประเทศแถบเอเชียรวมถึงไทยด้วย
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรงเป็นไปตามในภูมิภาค ประเด็นหลักมาจากเรื่องของตลาดหุ้นจีนหลังจากที่รัฐบาลจีนมีการขยายวงเงินในการลงทุนตลาดหุ้นจากเดิม 800 ล้านเหรียญฯ/กองทุน มาเป็น 1,000 ล้านเหรียญฯ/กองทุน คาดว่าเงินทุนต่างชาติคงจะไหลเข้ามาในเอเชียทั่วภูมิภาครวมถึงตลาดหุ้นไทย
สำหรับทิศทางวันนี้(8ก.ย.) น่าจะยังไปต่อเพราะคืนวานนี้ดาวโจนส์ปิดทำการคงไม่มีประเด็นอะไร และวันนี้ถ้า นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีก ก็อาจจะเรียกความน่าสนใจหรือเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายในประเทศกลับขึ้นมาได้อีกรอบ และวานนี้Break 680 จุดได้ก็คงจะเป็น sentiment เชิงบวก

ก.ล.ต.ยืนกรานแบบค่าคอมฯเดิม
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวภายหลังการประชุมรายไตรมาสระหว่างสำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์(สมาคมบล.) ว่า การหารือระหว่าง ก.ล.ต. กับสมาคมบล.ก่อให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือในการพัฒนาตลาดทุนหลายประการ โดยในการประชุมครั้งนี้ มีข้อสรุปที่สำคัญและมีความคืบหน้าในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน คือ 1. การกำหนดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์แบบขั้นบันได สมาคมได้เสนอขอแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบขั้นบันไดที่จะเริ่มใช้ต้นปี 2553 ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่าได้มีการประกาศล่วงหน้าเพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทราบแนวทางและอัตราค่าธรรมเนียมที่ชัดเจนแล้ว และบล.ได้เริ่มปรับตัวทางธุรกิจไปแล้ว ก.ล.ต. จึงได้แจ้งสมาคมว่า ยังไม่มีเหตุที่จะต้องเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
2. การเตรียมตัวสำหรับ ASEAN Capital Market Implementation Plan แผนปฏิบัติการด้านตลาดทุนสู่การเชื่อมโยงตลาดของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียนจะทำให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างกันและการทำธุรกิจข้ามชาติได้ในปี 2558 เรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก.ล.ต. จึงได้แจ้งให้สมาคมตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวเพื่อทำการวิเคราะห์ผลกระทบและหามาตรการหรือช่องทางที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับตลาดทุนไทย
3. การเปิดเผยผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) พบว่าบล.ทุกแห่งได้เห็นถึงความสำคัญและได้นำผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบจ.ใส่ไว้ในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนแล้ว จึงถือว่าประสบความสำเร็จลุล่วง 4. การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในประเด็นนี้ ก.ล.ต. หวังว่า สมาคมจะกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้ชัดเจนได้มากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่เหมาะสม และแนวทางการขายหุ้นที่เหลือจากการจัดจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ทั้งผู้ใช้บริการ ผู้ลงทุน และชื่อเสียงของบริษัท รวมถึงความเชื่อมั่นต่อตลาดทุน
5. การพัฒนาสินค้าใหม่ ก.ล.ต. ได้รับทราบความต้องการของภาคเอกชนเกี่ยวกับสินค้าใหม่ในตลาดทุน ซึ่งสมาคมขอให้ ก.ล.ต. ช่วยผลักดันให้เกิดอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX futures) เนื่องจากเป็นสินค้าที่คาดว่าจะมีผู้ใช้ประโยชน์ได้เป็นจำนวนมาก

**บล.ทำใจรับผลกระทบ
ด้าน นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า เรื่องการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นมาตรการหนึ่งที่ส่งผลให้บล.ต้องปรับตัวเพื่อเตรียมรับการแข่งขัน จากการหารือ ก.ล.ต. ในครั้งนี้ได้รับทราบว่า ก.ล.ต. ยังไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์แบบขั้นบันไดที่ประกาศไว้เดิม ดังนั้น บล.จึงควรเตรียมจัดทำระบบให้พร้อมรองรับในเรื่องดังกล่าว
โดยเกณฑ์ค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันใดเดิมนั้น กำหนดว่าหากวอลุ่มการซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดค่าคอมมิชชั่น 0.25% หากวอลุ่มเทรดมากกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดค่าคอมมิชชั่น 0.22% และหากวอลุ่มเทรดมากกว่า 10 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท คิดค่าคอมมิชชั่น 0.18% และ วอลุ่มมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไปให้สามารถต่อรองเสรีได้
นางณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย กล่าวว่า จากการที่ก.ล.ต.ให้ใช้เกณฑ์ค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดเดิมนั้น จะส่งผลกระทบทำให้รายได้ของโบรกเกอร์ลดลง ซึ่งอยู่กับฐานลูกค้าของโบรกเกอร์แต่ละราย โดยหากโบรกเกอร์ที่มีลูกค้ารายใหญ่จำนวนมาก จะทำให้รายได้ลดลงจำนวนมาก เพราะ ค่าคอมมิชชั่นต่ำ แต่โบรกเกอร์ที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมากเกินไปก็จะทำให้โบรกเกอร์มีต้นทุนในเรื่องเจ้าหน้าที่การตลาดและระบบการซื้อขายที่มากขึ้นเพื่อดูแลและให้บริการลูกค้าได้จำนวนมาก
ทั้งนี้ โบรกเกอร์จะต้องมีจัดสัดส่วนลูกค้าให้เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ และจะต้องมีการหารายได้อื่นข้ามามากขึ้น รวมถึงจะต้องมีการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะสร้างรายได้และกำไร ซึ่งจากการที่โบรกเกอร์จำเป็นต้องลดต้นทุนอาจมีผลกระทบทำให้มีการลดจำนวนนักวิเคราะห์ลงไป
กำลังโหลดความคิดเห็น