บลจ.แอสเซทพลัส ไม่ห่วงมันนี่มาร์เก็ตหดตัว เหตุนักลงทุนโยกหาผลตอบแทนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ระบุเงินไม่หายไปไหน เอยูเอ็มยังโตต่อเนื่อง ชี้บอนด์เกาหลีแผ่ว โยกพักมันนี่มาร์เก็ตอีกรอบ
นายวิน อุดมรัชต์วนิชย์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดกากองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ตขณะนี้ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการพักเงินอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนประเภทนี้มีสภาพคล่องสูงทำให้นักลงทุนซื้อขายได้ง่าย แต่เนื่องจากช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ ให้ความสนในกองทุนพันบัตรเกาหลีที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้นักลงทุนโยกเม็ดเงินออกจากกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อนำเงินไปลงทุนยังพันธบัตรเกาหลีแทน จึงทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี) ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ (ASP) ซึ่งเป็นการลงทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัท ปรับตัวเหลือ 1,900 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนโยกเงินออกจากกองทุน ASP เพื่อไปลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ของบริษัท และพันธบัตรไทยเข้มแข็ง เนื่องจากผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้นสูงกว่า ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะเราเองได้มีการแนะนำให้นักลงทุนย้ายไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลีของบริษัท ที่ให้ผลตอบสูงกว่า เพื่อเป็นการรักษาเม็ดเงินไว้กับบริษัทด้วย
"ถึงแม้เม็ดเงินจะโยกออกจากกองทุน ASPจนทำให้ขนาดของกองทุนดังกล่าวเล็กลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัทมีขนาดลดลง โดยพบว่าเอยูเอ็มของบริษัทโตขึ้นตามอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งมาจากเม็ดเงินของกองทุนรวมพันธบัตรเกาหลีใต้ และกองทุนประเภทโรลโอเว่อร์ ที่บริษัทมีการเปิดขายอย่างต่อเนื่อง"นายวินกล่าว
นายวินกล่าวอีกว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น แต่นักลงทุนยังคงมีการพักเงินอยู่ในกองทุนตลาดเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขนาดของกองทุนมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ทุกเวลา โดยหากเศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นดี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะมีการถอนเงินจากกองทุนดังกล่าว เพื่อไปหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่เมื่อใดที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลหรือมีปัจจัยลบเข้ามาทำให้แนวโน้มเศรษฐกิะลอตัว นักลงทุนจะหันกลับมาพักเงินในกองทุนชนิดนี้ เพื่อทดแทนการลงทุนในตลาดหุ้นและเงินฝาก ทำให้ขนาดของกองทุนเพิ่มขึ้น
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุน ASP จะเน้นลงทุนในพันธบัตร และตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นๆ อายุเฉลี่ยประมาณ 14 วันจนถึง 3 เดือน โดยผลตอบแทนที่ได้รับนั้นจะเป็นไปตามตลาดดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรที่อยู่ที่ประมาณ 1% ทั้งนี้ เมื่อนำผลตอบแทนมาเปรียบเทียบกันระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 1% เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายของกองทุนแล้วจะอยู่ที่ 0.8% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากนั้นอยู่ที่ 0.25-0.5% อีกทั้งต้องนำหักภาษีอีก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นน้อยลงไปอีก
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ นายวินกล่าวว่า ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นในช่วง 3 ข้างหน้า คาดว่าจะยังคงเท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะกลางถึงระยะยาว ตั้งแต่อายุ 2 ปี เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนดอกเบี้ยเชิงนโยบายในจะยังคงที่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
"เรามองว่าหลังจากนี้ ความน่าสนใจในการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้จะเริ่มลดลงสักระยะหนึ่ง เนื่องจากผลตอบแทนของพันธบัตรเริ่มลดลง ทำให้การออกกองทุนที่ไปลงทุนยังประเทศเกาหลีใต้นั้นลดน้อยลงไปด้วย และคาดว่าเม็ดเงินจะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ จะต้องดูแนวโน้มตลาดหุ้นด้วยว่ามีทิศทางไปในทางใด หากตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจะทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน" นายวินกล่าว
นายวิน อุดมรัชต์วนิชย์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดกากองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ตขณะนี้ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการพักเงินอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนประเภทนี้มีสภาพคล่องสูงทำให้นักลงทุนซื้อขายได้ง่าย แต่เนื่องจากช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ ให้ความสนในกองทุนพันบัตรเกาหลีที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้นักลงทุนโยกเม็ดเงินออกจากกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อนำเงินไปลงทุนยังพันธบัตรเกาหลีแทน จึงทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี) ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ (ASP) ซึ่งเป็นการลงทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัท ปรับตัวเหลือ 1,900 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนโยกเงินออกจากกองทุน ASP เพื่อไปลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ของบริษัท และพันธบัตรไทยเข้มแข็ง เนื่องจากผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้นสูงกว่า ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะเราเองได้มีการแนะนำให้นักลงทุนย้ายไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลีของบริษัท ที่ให้ผลตอบสูงกว่า เพื่อเป็นการรักษาเม็ดเงินไว้กับบริษัทด้วย
"ถึงแม้เม็ดเงินจะโยกออกจากกองทุน ASPจนทำให้ขนาดของกองทุนดังกล่าวเล็กลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัทมีขนาดลดลง โดยพบว่าเอยูเอ็มของบริษัทโตขึ้นตามอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งมาจากเม็ดเงินของกองทุนรวมพันธบัตรเกาหลีใต้ และกองทุนประเภทโรลโอเว่อร์ ที่บริษัทมีการเปิดขายอย่างต่อเนื่อง"นายวินกล่าว
นายวินกล่าวอีกว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น แต่นักลงทุนยังคงมีการพักเงินอยู่ในกองทุนตลาดเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขนาดของกองทุนมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ทุกเวลา โดยหากเศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นดี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะมีการถอนเงินจากกองทุนดังกล่าว เพื่อไปหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่เมื่อใดที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลหรือมีปัจจัยลบเข้ามาทำให้แนวโน้มเศรษฐกิะลอตัว นักลงทุนจะหันกลับมาพักเงินในกองทุนชนิดนี้ เพื่อทดแทนการลงทุนในตลาดหุ้นและเงินฝาก ทำให้ขนาดของกองทุนเพิ่มขึ้น
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุน ASP จะเน้นลงทุนในพันธบัตร และตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นๆ อายุเฉลี่ยประมาณ 14 วันจนถึง 3 เดือน โดยผลตอบแทนที่ได้รับนั้นจะเป็นไปตามตลาดดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรที่อยู่ที่ประมาณ 1% ทั้งนี้ เมื่อนำผลตอบแทนมาเปรียบเทียบกันระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้น ผลตอบแทนจากการลงทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 1% เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายของกองทุนแล้วจะอยู่ที่ 0.8% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากนั้นอยู่ที่ 0.25-0.5% อีกทั้งต้องนำหักภาษีอีก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นน้อยลงไปอีก
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ นายวินกล่าวว่า ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นในช่วง 3 ข้างหน้า คาดว่าจะยังคงเท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะกลางถึงระยะยาว ตั้งแต่อายุ 2 ปี เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนดอกเบี้ยเชิงนโยบายในจะยังคงที่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
"เรามองว่าหลังจากนี้ ความน่าสนใจในการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้จะเริ่มลดลงสักระยะหนึ่ง เนื่องจากผลตอบแทนของพันธบัตรเริ่มลดลง ทำให้การออกกองทุนที่ไปลงทุนยังประเทศเกาหลีใต้นั้นลดน้อยลงไปด้วย และคาดว่าเม็ดเงินจะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ จะต้องดูแนวโน้มตลาดหุ้นด้วยว่ามีทิศทางไปในทางใด หากตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจะทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน" นายวินกล่าว
