บลจ.อยุธยา เสนอขาย "กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์โน้ทพลัส 6M2" ลงทุน 6 เดือนชูผลตอบเเทนที่ 3.80% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ที่สำคัญไม่ต้องเสียภาษี เปิดไอพีโอพร้อมกันตั้งเเต่วันนี้ถึง 28 ก.ค.นี้ "ฉัตรพี" เผย บอนด์ต่างประเทศยังให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่าบอนด์ไทย ด้าน "กรุงไทย" ส่ง 3 กองทุนลุยตลาด เสนอทางเลือกลงทุนใน ECP และพันธบัตรรัฐบาลไทย พร้อมคุ้มครองเงินต้น
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ ) อยุธยา จำกัดหรือ เอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ.อยุธยาเสนอขายกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์โน้ทพลัส 6M2 (AYFENP6M2) ตั้งเเต่วันนี้ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 โดยกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบเเทนอยูที่ 3.80%ต่อปี ซึ่งกองทุน AYFENP6M2จะลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก โดยมีผู้ออก เช่น National Australia Bank, Industrial Bank of Korea, Kookmin Bank, AUST & NZ Bank, ABN Amro Bank เป็นต้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์โน้ทพลัส 6M2 มีอายุโครงการเพียง 6 เดือน โดยจะลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากและ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปีซึ่งกองทุนจะได้รับอัตราการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.80% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.25%) ทั้งนี้ นายฉัตรพี มองว่ากองทุนดังกล่าวถือว่าเหมาะสมกับทิศทางดอกเบี้ยที่กำลังทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝาก ก็จะส่งผลให้การลงทุนในกองทุนระยะสั้นๆ เมื่อครบอายุมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนครั้งต่อไป
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพันธบัตรของประเทศเกาหลีใต้ หรือการลงทุนในตราสารหนี้ประเภท ECP เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในประเทศ อีกทั้งยังมีคุณภาพด้านเครดิตที่ดีเมื่อเทียบกับตราสารในประเทศอีกด้วยอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น พันธบัตรเกาหลีได้รับอันดับเรตติ้งระหว่างประเทศจาก S&P ที่ระดับ A ขณะที่พันธบัตรไทยได้รับอันดับเรตติ้งระหว่างประเทศจาก S&P ที่ระดับ BBB+
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเตรียมเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน 11 ( KTFIF6M11) กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น52 (KTCP52) และ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น45 ( KT3M45)
โดยกองทุน KTFIF6M11 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,100 ล้านบาท จะเปิดจำหน่ายในระหว่างวันที่ 22- 28 กรกฎาคม โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทตราสารการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ (Euro Commercial Paper : ECP) ของสถาบันการเงินชั้นนำ ที่มีอันดับความเชื่อถือระยะสั้น 2 อันดับแรกขึ้นไป เบื้องต้นจะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินในเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป หรือเอเชียประเทศอื่นๆ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ECP) ที่ลงทุนในสถาบันการเงินภาครัฐในเกาหลีใต้ ระยะเวลา 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.20%-4.40% ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ ประมาณ 0.50%-0.70% bps แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศเพิ่มขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในประเทศ และต้องการความปลอดภัยของเงินต้น จึงเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุน KTCP52 อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุน KT3M45 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการกองทุนละ 2,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 23-29 กรกฎาคม เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ก่อให้เกิดการคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝาก ที่บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ผลตอบแทนของตราสารอายุ 6 เดือน โดยประมาณอยู่ที่ 3.55% ต่อปีและ อายุ 3 เดือนอยู่ที่ 3.50% ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ 3 เดือนอยู่ที่ 2.375% ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ ) อยุธยา จำกัดหรือ เอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ.อยุธยาเสนอขายกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์โน้ทพลัส 6M2 (AYFENP6M2) ตั้งเเต่วันนี้ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 โดยกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบเเทนอยูที่ 3.80%ต่อปี ซึ่งกองทุน AYFENP6M2จะลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก โดยมีผู้ออก เช่น National Australia Bank, Industrial Bank of Korea, Kookmin Bank, AUST & NZ Bank, ABN Amro Bank เป็นต้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์โน้ทพลัส 6M2 มีอายุโครงการเพียง 6 เดือน โดยจะลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 อันดับแรก ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากและ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปีซึ่งกองทุนจะได้รับอัตราการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.80% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.25%) ทั้งนี้ นายฉัตรพี มองว่ากองทุนดังกล่าวถือว่าเหมาะสมกับทิศทางดอกเบี้ยที่กำลังทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝาก ก็จะส่งผลให้การลงทุนในกองทุนระยะสั้นๆ เมื่อครบอายุมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนครั้งต่อไป
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพันธบัตรของประเทศเกาหลีใต้ หรือการลงทุนในตราสารหนี้ประเภท ECP เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในประเทศ อีกทั้งยังมีคุณภาพด้านเครดิตที่ดีเมื่อเทียบกับตราสารในประเทศอีกด้วยอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น พันธบัตรเกาหลีได้รับอันดับเรตติ้งระหว่างประเทศจาก S&P ที่ระดับ A ขณะที่พันธบัตรไทยได้รับอันดับเรตติ้งระหว่างประเทศจาก S&P ที่ระดับ BBB+
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเตรียมเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน 11 ( KTFIF6M11) กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น52 (KTCP52) และ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น45 ( KT3M45)
โดยกองทุน KTFIF6M11 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,100 ล้านบาท จะเปิดจำหน่ายในระหว่างวันที่ 22- 28 กรกฎาคม โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทตราสารการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ (Euro Commercial Paper : ECP) ของสถาบันการเงินชั้นนำ ที่มีอันดับความเชื่อถือระยะสั้น 2 อันดับแรกขึ้นไป เบื้องต้นจะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินในเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป หรือเอเชียประเทศอื่นๆ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ECP) ที่ลงทุนในสถาบันการเงินภาครัฐในเกาหลีใต้ ระยะเวลา 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.20%-4.40% ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ ประมาณ 0.50%-0.70% bps แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศเพิ่มขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในประเทศ และต้องการความปลอดภัยของเงินต้น จึงเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุน KTCP52 อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุน KT3M45 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการกองทุนละ 2,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 23-29 กรกฎาคม เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ก่อให้เกิดการคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝาก ที่บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ผลตอบแทนของตราสารอายุ 6 เดือน โดยประมาณอยู่ที่ 3.55% ต่อปีและ อายุ 3 เดือนอยู่ที่ 3.50% ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ 3 เดือนอยู่ที่ 2.375% ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%