xs
xsm
sm
md
lg

อย่างไหนดีกว่า?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สภาวะการณ์ในตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการพึ่งพาการฝากเงินในธนาคารเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับคู่แข่งตัวฉกาจของท่านนักลงทุนทุกๆท่านนั้นก็คือค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากในปัจจุบัน

นักลงทุนส่วนใหญ่จึงต้องแสวงหาการลงทุนอื่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้จึงได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว อาจจะด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ

และให้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ท่านักลงทุนรับได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อเข้าไปในธนาคารต่างๆ ก็จะได้ยินคำว่ากองทุนๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ภายในหรือต่างประเทศก็ตาม

กองทุนรวมตราสารหนี้ (General Fixed Income Fund) เป็นเครื่องมือที่ใช้ระดมเงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อย เพื่อนำเงินลงทุนดังกล่าวไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความปลอดภัยสูงทั้งในและต่างประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือ หุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ปตท. เป็นต้น
โดยไม่มีการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้กึ่งทุน (เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ) ซึ่งกองทุนจะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของอัตราดอกเบี้ย

และราคาของหุ้นกู้หรือพันธบัตรมีความผันผวนไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นซึ่งเป็นตราสารทุน กองทุนประเภทนี้จึงเหมาะกับท่านนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ความหลากหลายของกองทุนตราสารหนี้เป็นคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้ท่านนักลงทุนเลือกลงทุนให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง
 โดยตราสารหนี้ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้มีทั้งระยะสั้นไปจนถึงยาว มีหลากหลายประเภทที่น่าสนใจ นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสด หรือผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงมากนักก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนพันธบัตรที่ออกโดยรัฐ (Government bond) ในขณะที่ท่านนักลงทุนท่านอื่น อาจจะต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น

ในขณะเดียวกันก็อาจจะยินยอมแบกรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง ก็เลือกลงทุนในกองทุนหุ้นกู้ภาคเอกชน (Corporate bond) ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating) สูงที่มีให้เลือกหลากหลาย

 สำหรับประเด็นเรื่องระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม มีท่านนักลงทุนหลายท่านสงสัยครับว่า แล้วควรจะลงทุนถือตราสารระยะสั้นหรือยาวดีกว่ากัน? โดนส่วนตัวแล้วนั้นผมอยากจะกราบเรียนอย่างนี้ครับว่า ผมอยากให้ท่านนักลงทุนสำรวจตัวท่านเองก่อนว่าท่านมีสภาพคล่อง ( Liquidity) ขนาดไหน?

 ถ้าท่านต้องใช้เงินเร็วๆ นี้ก็ซื้อกองทุนที่อายุสั้นๆ เช่นกองทุนจำพวก Cash Management ที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน หรือ กองทุนที่มีอายุ 3เดือน 6เดือน หรือถ้าบอกว่าเงินเราเป็นเย็นไม่ได้ใช้อะไรสัก 1 หรือ 2 ปี ก็ลองลงทุนกับกองทุนที่มีอายุตามที่ต้องการได้ และกองทุนที่มีอายุนั้นยังใช้ระบบ Auto Redemption อีกด้วย
 Auto Redemption คือ การที่บริษัทจัดการลงทุนรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุน การขายคืนอัตโนมัติจะดีกว่าการจ่ายเป็นเงินปันผลสำหรับบุคคลธรรมดา เพราะกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นงวดๆ ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งนี้เพราะบริษัทจัดการจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 ของเงินปันผลที่ได้รับแล้วนำส่งให้แก่กรมสรรพากรก่อน

แต่ถ้าหากกองทุนไม่จ่ายปันผล และคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ในลักษณะที่เหมือนกับผู้ถือหน่วยลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่บริษัทจัดการลงทุน เงินที่คืนให้นี้จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่ประการใด เพราะถือว่าเป็นกำไรส่วนเกินทุนจากการขายหน่วยลงทุนนั่นเอง

 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากให้นักลงทุนคำนึงถึง การบริหารสัดส่วนการลงทุนเอาไว้ด้วย การบริหารพอร์ตการลงทุน เป็นอีกวิธีหนึ่งสำคัญที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนให้กับท่านนักลงทุนได้ เป็นที่รู้กันดีว่าหากเทียบระหว่างความเสี่ยงต่อผลตอบแทนแล้ว การลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตรมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก

ตัวอย่างเช่น การลงทุนในหุ้นกู้อาจให้ผลตอบแทนสูงมากกว่าพันธบัตรแต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากกว่า ในขณะที่การลงทุนในพันธบัตรอาจไม่ให้ดอกผลดีเท่าแต่มั่นคงกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น