xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงโตแล้ว2หมื่นล้าน "บอนด์เกาหลี-ธนทวี"ช่วยโกยเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง โชว์ผลงานครึ่งปีแรก สินทรัพย์ขยับขึ้นเฉียด 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 13.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ระบุได้อานิสงส์ "ธนทวี" เป็นหลัก มั่นใจ ครึ่งปีหลังโกยเงินได้ตามเป้า จากกอง"บอนด์-อาร์เอ็มเอฟ-แอลทีเอฟ" ล่าสุด เสนอขายกองทุนซีรีย์ "ธนสารพลัส" ต่อเนื่องอีก 3 กองทุน ไอพีโอแล้ววันนี้ - 27 ก.ค. นี้

นางวรวรรณ ธาราภูมิ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า สำหรับขนาดของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทในครึ่งแรกของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 161,359 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตขึ้นประมาณ 19,586 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัว 13.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยการเติบโตทั้งอุตสาหกรรมที่ 13.3% เล็กน้อย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้ยังคงรักษาระดับส่วนแบ่งตลาดครึ่งแรกปีนี้ที่ 9.29% ในขณะที่สิ้นปีก่อนอยู่ที่ 9.24% โดยเป็นอันดับสามเท่าเดิม หากเทียบกับเป้าหมายภายในที่กำหนดไว้ของครึ่งปีแรก ถือว่าเกิดจริงสูงกว่าเป้าหมาย 15.1%

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงธนทวี ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Cash Management ซึ่งมีการขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เกินจริงสูงกว่าเป้าหมายมากที่เหลือคือกองทุนหุ้นต่างๆ ที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้น

“เราขยายตัวได้ดีในส่วนของ Cash management Fund คือ บัวหลวงธนทวี จากกว่า 50,000 ล้านบาท ณ สิ้นปีก่อน มาเป็น กว่า 70,000 ล้านบาท เพราะผลตอบแทนดีกว่าของคู่แข่ง โดยมีความเสี่ยงต่ำ กองทุนประเภทนี้เหมาะกับการพักเงินเพื่อสภาพคล่องที่ถอนได้ง่ายสำหรับผู้ลงทุน” นางวรวรรณ กล่าว

นางวรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทที่มีกำหนดคืนเงินในเวลาที่แน่นอนนั้น บริษัทมีการออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยไปบ้างในช่วงต้นปี แต่เมื่อเศรษฐกิจประเทศเกาหลีใต้คลี่คลายลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก บริษัทจึงออกกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและสถาบันการเงินที่มีรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นมากขึ้น เพราะว่ามีผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงที่ต่ำกว่า จึงเป็นช่องทางที่ได้รับการตอบรับมากจากผู้ลงทุน ดังนั้น หากประเทศไหนมีตราสารหนี้ที่มั่นคงและมีผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงที่ต่ำกว่าประเทศไทย เราก็จะยังคงออกกองทุนประเภทดังกล่าวอยู่ และบริษัทจะแสวงหาโอกาสการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศไทยในครึ่งปีหลังนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จะทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยของอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันกันของสถาบันการเงินทุกประเภท และขึ้นกับว่ามีอะไรที่ดีพอให้ลงทุนหรือไม่

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิการบริหารจัดการ หรือเอยูเอ็มเชื่อว่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ซึ่งจะได้จากองทุนรวมตราสารหนี้ทุกประเภท รวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรืออาร์เอ็มเอฟ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจากบลจ. บัวหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอีก 3 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 24/09 (BP24/09) 2. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 25/09 (BP25/09) และกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 26/09 (BP26/09) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเริ่มไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 27 กรกฎาคม 2552

โดยกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 24/09 มีอายุประมาณ 6 เดือน ขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 25/09 มีอายุประมาณ 12 เดือน ขนาดโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 26/09 อายุประมาณ 24 เดือน ขนาดโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น