บลจ. บีที จับกระแสนักลงทุนหนี้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ หันมาลงทุนกองทุนตราสารหนี้แทน ส่ง "ไทยเดลี่ตราสารหนี้รัฐระยะสั้น" รองรับความต้องการลูกค้า เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลความเสี่ยงต่ำ พร้อมเปิดทางลุต่างประเทศ ไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 19 มิ.ย.
นางสาวผุสดี นาคภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนในธนาคารพาณิชย์ไม่คึกคักเท่าที่ควร ดังนั้น นักลงทุนจึงมีการแสวงหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่ต่างไปจากการฝากเงินยังธนาคาร หรือมีความเสี่ยงต่ำนั้นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะมีนักลงทุนต่างทยอยเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศกันมากขึ้น เนื่องจากว่ามีความปลอดภัยอีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากธนาคารในขณะนี้ด้วย ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้ ซึ่งเป็นกองทุนมันนี่มาร์เก็ตเอง ก็มีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด บริษัทได้เปิดกองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้รัฐระยะสั้น (Thai Daily Treasury Fund) เพื่อมารองรับความต้องการที่มีอยู่ โดยกองทุนกองทุนดังกล่าวเป็นประเภทตลาดเงิน หรือ มันนี่มาร์เก็ต ที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท แบบไม่มีกำหนดอายุของโครงการ ซึ่งกองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2551 ทั้งนี้กองทุนได้เริ่มเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2552 นี้
สำหรับกองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้รัฐระยะสั้น จะเข้าไปลงทุนในตราสารภาครัฐ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรืออาจจะลงทุนในตราสารภาครัฐ หรือตราสารแห่งหนี้อื่นใดที่รัฐบาลต่างประเทศเป็นผู้ออก ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานเพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%
ส่วนที่เหลือจะพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ปัจจุบันบลจ. บีที มีกองทุนรวมตราสารหนี้ที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีอยู่ด้วยกัน 3 กองทุน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยจะใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิด บีทีไลฟ์ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 0.24% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -7.10% ย้อนหลัง 3 เดือน -1.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.98% ย้อนหลัง 6 เดือน 0.61% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -5.49% และย้อนหลัง 1 ปี 2.87% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 10.92% 2. กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 1.36% ย้อนหลัง 3 เดือน 0.45% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.60% และย้อนหลัง 1 ปี 2.26% และ 3. กองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 1.21% ย้อนหลัง 3 เดือน 0.77% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.34% และย้อนหลัง 1 ปี 2.27%
นางสาวผุสดี นาคภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนในธนาคารพาณิชย์ไม่คึกคักเท่าที่ควร ดังนั้น นักลงทุนจึงมีการแสวงหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่ต่างไปจากการฝากเงินยังธนาคาร หรือมีความเสี่ยงต่ำนั้นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะมีนักลงทุนต่างทยอยเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศกันมากขึ้น เนื่องจากว่ามีความปลอดภัยอีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากธนาคารในขณะนี้ด้วย ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้ ซึ่งเป็นกองทุนมันนี่มาร์เก็ตเอง ก็มีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด บริษัทได้เปิดกองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้รัฐระยะสั้น (Thai Daily Treasury Fund) เพื่อมารองรับความต้องการที่มีอยู่ โดยกองทุนกองทุนดังกล่าวเป็นประเภทตลาดเงิน หรือ มันนี่มาร์เก็ต ที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท แบบไม่มีกำหนดอายุของโครงการ ซึ่งกองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2551 ทั้งนี้กองทุนได้เริ่มเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2552 นี้
สำหรับกองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้รัฐระยะสั้น จะเข้าไปลงทุนในตราสารภาครัฐ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรืออาจจะลงทุนในตราสารภาครัฐ หรือตราสารแห่งหนี้อื่นใดที่รัฐบาลต่างประเทศเป็นผู้ออก ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานเพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%
ส่วนที่เหลือจะพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ปัจจุบันบลจ. บีที มีกองทุนรวมตราสารหนี้ที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีอยู่ด้วยกัน 3 กองทุน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยจะใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิด บีทีไลฟ์ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 0.24% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -7.10% ย้อนหลัง 3 เดือน -1.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.98% ย้อนหลัง 6 เดือน 0.61% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -5.49% และย้อนหลัง 1 ปี 2.87% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 10.92% 2. กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 1.36% ย้อนหลัง 3 เดือน 0.45% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.60% และย้อนหลัง 1 ปี 2.26% และ 3. กองทุนเปิดไทยเดลี่ตราสารหนี้ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 1.21% ย้อนหลัง 3 เดือน 0.77% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.34% และย้อนหลัง 1 ปี 2.27%
