สำนักงาน ก.ล.ต. ออกหนังสือเตือนบลจ. อย่าลักไก่ ตั้งกองทุน specific fund โยกเงินลงทุนหุ้นกู้เอกชนในบางขณะถึง 25% ชี้เป็นความเสี่ยง พร้อมคุม"ทาร์เก็ตฟันด์" ห้ามตั้งชื่อล่อใจเกินไป หวั่นกระทบความคาดหวังนักลงทุน กำชับกองทุนต่างประเทศ ต้องลงทุนในประเทศที่เป็นสมาชิกสามัญของ IOSCO ด้วย
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมา มีบริษัทจัดการและผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม ได้สอบถามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดตั้งและจัดการกองทุนในประเด็นสำคัญอยู่หลายเรื่อง ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนดได้อย่างถูกต้อง สำนักงานจึงได้ซักซ้อมความเข้าใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของการจัดตั้งและเลิกกองทุน รวมไปถึงการลงของกองทุนรวมด้วย
โดยหลักเกณธ์การจัดตั้งและการเลิกกองทุนรวมนั้น สำนักงานไม่อนุญาตให้กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลัง จัดตั้งกองทุนในรูปแบบ specific fund หรือลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในบางขณะถึง 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เนื่องจากเห็นว่า การลงทุนในลักษณะดังกล่าวจะทำให้กองทุนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตตุประสงค์ของกองทุนที่ต้องการให้กองทุนประเภทนี้ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งกำหนดให้ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลัง โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ส่วนกรณีของการเลิกกองทุนรวม เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา บริษัทจัดการมีการจัดตั้งกองทุนรวมที่มีการกำหนดเงื่อนไขพิเศษในการเลิกกองทุนรวมก่อนกำหนด หรือกองทุนประเภททาร์เก็ตฟันด์ เช่น กำหนดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี หากหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 15% ก็จะเลิกกองทุน ซึ่งกองทุนประเภทนี้ มีการกำหนดเงื่อไขเอาไว้ในชื่อโครงการด้วย เช่น ทริกเกอร์ 15% ดังนั้น สำนักงานจึงเห็นว่า การตั้งชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่าจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดในเงื่อนไขการเลิกกองทุน จึงขอให้บริษัทจัดการไม่ควรใช้ชื่อกองทุนที่สื่อความหมายว่า กองทุนมีเป้าหมายที่จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดเป็นเงื่อนไขพิเศษในการเลิกกองทุน เช่น hit target หรือ goal นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการอธิบายเงื่อนไขดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย
สำหรับประเด็นของการลงทุนของกองทุนรวม ในส่วนของการลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ ที่ผ่านมาพบว่า มีกองทุนรวมหน่วยลงทุน (fund of funds) บางกองทุนในกองทุนต่างประเทศมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานกำหนด เช่น เสนอขายในประเทศที่หน่วยงานกำกับดูแล ไม่ได้เป็นสมาชิกสามัญของ IOSCO เป็นต้น ดังนั้น สำนักงานจึงซักซ้อมความเข้าใจ ให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ สำนักงานได้เน้นย้ำการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิ โดยให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญในการพิจารณาที่อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารมากกว่าที่จะพิจารณาที่อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออก และในกรณีที่กองทุนรวมใดประสงค์จะลงทุนในหุ้นกู้ด้อนสิทธิ ควรเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนในนโยบายการลงทุนเพื่อให้ผู้ลงทุนทราบด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากหุ้นกู้ด้อนสิทธิเป็นหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป
ในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตราสารที่ไม่ใช่ investmrnt grade หรือตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนใน SET สำนักงานได้กำหนดให้บริษัทจัดการต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไว้ในนโยบายการลงทุน พร้อมทั้งระบุสัดส่วนการลงทุนไว้อย่างชัดเจนด้วย ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจกำหนดถ้อนคำในนโยบายการลงทุนเพื่อรองรับกรณีตราสารถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investmrnt grade หรือถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อให้กองทุนสามารถมีไว้ซึ่งตราสารดังกล่าวต่อไปได้
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมา มีบริษัทจัดการและผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวม ได้สอบถามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดตั้งและจัดการกองทุนในประเด็นสำคัญอยู่หลายเรื่อง ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนดได้อย่างถูกต้อง สำนักงานจึงได้ซักซ้อมความเข้าใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของการจัดตั้งและเลิกกองทุน รวมไปถึงการลงของกองทุนรวมด้วย
โดยหลักเกณธ์การจัดตั้งและการเลิกกองทุนรวมนั้น สำนักงานไม่อนุญาตให้กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลัง จัดตั้งกองทุนในรูปแบบ specific fund หรือลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในบางขณะถึง 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เนื่องจากเห็นว่า การลงทุนในลักษณะดังกล่าวจะทำให้กองทุนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตตุประสงค์ของกองทุนที่ต้องการให้กองทุนประเภทนี้ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งกำหนดให้ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลัง โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ส่วนกรณีของการเลิกกองทุนรวม เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา บริษัทจัดการมีการจัดตั้งกองทุนรวมที่มีการกำหนดเงื่อนไขพิเศษในการเลิกกองทุนรวมก่อนกำหนด หรือกองทุนประเภททาร์เก็ตฟันด์ เช่น กำหนดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี หากหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 15% ก็จะเลิกกองทุน ซึ่งกองทุนประเภทนี้ มีการกำหนดเงื่อไขเอาไว้ในชื่อโครงการด้วย เช่น ทริกเกอร์ 15% ดังนั้น สำนักงานจึงเห็นว่า การตั้งชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่าจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดในเงื่อนไขการเลิกกองทุน จึงขอให้บริษัทจัดการไม่ควรใช้ชื่อกองทุนที่สื่อความหมายว่า กองทุนมีเป้าหมายที่จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดเป็นเงื่อนไขพิเศษในการเลิกกองทุน เช่น hit target หรือ goal นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการอธิบายเงื่อนไขดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย
สำหรับประเด็นของการลงทุนของกองทุนรวม ในส่วนของการลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ ที่ผ่านมาพบว่า มีกองทุนรวมหน่วยลงทุน (fund of funds) บางกองทุนในกองทุนต่างประเทศมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานกำหนด เช่น เสนอขายในประเทศที่หน่วยงานกำกับดูแล ไม่ได้เป็นสมาชิกสามัญของ IOSCO เป็นต้น ดังนั้น สำนักงานจึงซักซ้อมความเข้าใจ ให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ สำนักงานได้เน้นย้ำการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิ โดยให้บริษัทจัดการให้ความสำคัญในการพิจารณาที่อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารมากกว่าที่จะพิจารณาที่อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออก และในกรณีที่กองทุนรวมใดประสงค์จะลงทุนในหุ้นกู้ด้อนสิทธิ ควรเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนในนโยบายการลงทุนเพื่อให้ผู้ลงทุนทราบด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากหุ้นกู้ด้อนสิทธิเป็นหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป
ในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตราสารที่ไม่ใช่ investmrnt grade หรือตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนใน SET สำนักงานได้กำหนดให้บริษัทจัดการต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไว้ในนโยบายการลงทุน พร้อมทั้งระบุสัดส่วนการลงทุนไว้อย่างชัดเจนด้วย ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจกำหนดถ้อนคำในนโยบายการลงทุนเพื่อรองรับกรณีตราสารถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า investmrnt grade หรือถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อให้กองทุนสามารถมีไว้ซึ่งตราสารดังกล่าวต่อไปได้
