บลจ.ทิสโก้กวาดยอดไอพีโอกองหุ้นเอเชีย 300 ล้านบาท เตรียมเปิดขายอีกครั้ง 13 ก.ค.นี้ พร้อมส่งกองบอนด์โสม2 เอาใจนักลงทุนเพิ่ม ชูยิลด์ 2.4% ต่อปีกับการลงทุนแค่ 6 เดือน ระบุเทรนด์ดอกเบี้ยโสมยังนิ่ง และจะมีความชัดเจนอีกครั้งไตรมาสแรกปีหน้า
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทำการเปิดขาย“กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน” (TISCO Asia Pacific ex Japan Fund) ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทสามารถระดมเงินลงทุนได้กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนเปิดและจะทำการเปิดขายอีกครั้งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
สำหรับกองทุนนี้ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น ผ่านกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเช่นเดียวกับ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% แต่มีความแตกต่างกัน เนื่องจากจะไม่มีเงื่อนไขการยกเลืกกองทุนเมื่อสามารถทำกำไรได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ โดยกองทุนนี้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดทุกวันหลังจากทำการเปิดขายในครั้งต่อไป
แหล่งข่าวจาก บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า นอกจากกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ทำการเปิดขายในช่วงที่ผ่านมาแล้ว บริษัทยังเตรียมที่จะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรต่างประเทศได้แก่ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 2"ในระหว่างวันที่ 8-15 กรกฎาคมนี้
สำหรับกองทุนนี้จะมีอายุโครงการ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้จะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราอัตรแลกเปลี่ยนเต็มอัตราอีกด้วย
"คาดว่ากองทุนนี้น่าจะมีผลตอบแทนให้นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 2.4% ต่อปี ซึ่งต่างจากกองแรกที่ยิลด์มันจะได้ประมาณ 2.5-2.9% เนื่องจากกองทุนนี้จะสั้นกว่าคือแค่ 6 เดือนส่วนกองแรกจะมีอายุโครงการถึง 1 ปี"แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนแนวโน้มของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี ขณะนี้ยังไม่การเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีขณะนี้น่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว และน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปอีกสักระยะ ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนคงจะต้องรอดูอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ว่าจะสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่
อนึ่ง ตั้งแต่ต้นปีทีผ่านมาการเสนอขายกองทุนต่างๆ ของบลจ.ทิสโก้ ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารในส่วนของกองทุนรวมปรับตัวขึ้นมาจากช่วงต้นปีประมาณ 11.5% อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 1.46 ล้านบาท
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทำการเปิดขาย“กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน” (TISCO Asia Pacific ex Japan Fund) ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทสามารถระดมเงินลงทุนได้กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนเปิดและจะทำการเปิดขายอีกครั้งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
สำหรับกองทุนนี้ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น ผ่านกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเช่นเดียวกับ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% แต่มีความแตกต่างกัน เนื่องจากจะไม่มีเงื่อนไขการยกเลืกกองทุนเมื่อสามารถทำกำไรได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ โดยกองทุนนี้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดทุกวันหลังจากทำการเปิดขายในครั้งต่อไป
แหล่งข่าวจาก บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า นอกจากกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ทำการเปิดขายในช่วงที่ผ่านมาแล้ว บริษัทยังเตรียมที่จะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรต่างประเทศได้แก่ "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 2"ในระหว่างวันที่ 8-15 กรกฎาคมนี้
สำหรับกองทุนนี้จะมีอายุโครงการ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้จะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราอัตรแลกเปลี่ยนเต็มอัตราอีกด้วย
"คาดว่ากองทุนนี้น่าจะมีผลตอบแทนให้นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 2.4% ต่อปี ซึ่งต่างจากกองแรกที่ยิลด์มันจะได้ประมาณ 2.5-2.9% เนื่องจากกองทุนนี้จะสั้นกว่าคือแค่ 6 เดือนส่วนกองแรกจะมีอายุโครงการถึง 1 ปี"แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนแนวโน้มของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี ขณะนี้ยังไม่การเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศเกาหลีขณะนี้น่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว และน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปอีกสักระยะ ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนคงจะต้องรอดูอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ว่าจะสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่
อนึ่ง ตั้งแต่ต้นปีทีผ่านมาการเสนอขายกองทุนต่างๆ ของบลจ.ทิสโก้ ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารในส่วนของกองทุนรวมปรับตัวขึ้นมาจากช่วงต้นปีประมาณ 11.5% อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 1.46 ล้านบาท