บลจ.ทหารไทย เพิ่มทุน "ทหารไทย China Equity Index" อีก 1,000 ล้านบาท รองรับการขายตัว หลังเศรษฐกิจจีน ส่งสัญญาณฟื้นตัวแรง ดันผลตอบแทนกองทุนพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุด ย้อนหลัง 6 เดือนพุ่งแตะระดับ 54.93%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นต่างประเทศภายใต้การบริหารของบริษัท ปรับขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ที่ออกไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน ซึ่งจากการที่ผลตอบแทนปรับขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น และเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวดังกล่าว บริษัทจึงได้จดทะเบียนเพิ่มทุนกองทุนดังกล่าว
โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับจดทะเบียนเพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index เป็นจำนวน 1,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าว ทำให้มูลค่าโครงการของกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อสิทธิใดๆ ของผู้ถือหน่วยลงทุน และไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker ที่มีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ให้มากที่สุด
โดยผลการดำเนินงานล่าสุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2552 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1,728.98 ล้านบาท มูลค่าหน่วยลงทุน 5.5119 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น และเงินลงทุนใหม่ของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาส
ในขณะที่ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกัน กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.19% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 54.93% โดยดัชนี FTSE/Xinhua China A50 (สกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกง) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 29.14% ย้อนหลัง 6 เดือน 64.67% ส่วนผลตอบแทนสกุลเงินบาทของดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.43% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 60.33%
ก่อนหน้านี้ นายไพศาล ครุฑดำรงชัย นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทหารไทย เปิดเผยถึงแผนงานของกองทุนหลังจากผ่านไตรมาสที่ 1 ว่า ทางบริษัทยังคงเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร โดยยังให้ความสนใจกับการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอยู่ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้ออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้รุ่นที่ 17 และสามารถขายหน่วยลงทุนได้กว่า 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนไทยนั้น ส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจกับการลงทุนในตราสารหนี้อยู่ มากกว่าการลงทุนในหุ้น เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น ดัชนีที่ปรับตัวลดลงไปนั้นเป็นการปรับฐานเพราะนักลงทุนเทขายทำกำไรออกมาโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกันในระยะที่ผ่านมานี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของประเทศในภูมิภาคเดียวกัน และยังรวมไปถึงตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน ที่มีการขายทำกำไรออกมา
สำหรับตลาดเกิดใหม่ นายไพศาลกล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศจีนนั้นมีแนวโน้มของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เนื่องจากประเทศมีเงินทุนสำรองจำนวนมาก และประเทศกำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันมีประชากรจำนวนมากทำให้มีการอุปโภคบริโภคจำนวนมาก โดยสำหรับกองทุนทหารไทย China Equity Index ซึ่งลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นจีนนั้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนดังกล่าวมีการโตขึ้นกว่า 40%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นต่างประเทศภายใต้การบริหารของบริษัท ปรับขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ที่ออกไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน ซึ่งจากการที่ผลตอบแทนปรับขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น และเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวดังกล่าว บริษัทจึงได้จดทะเบียนเพิ่มทุนกองทุนดังกล่าว
โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับจดทะเบียนเพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index เป็นจำนวน 1,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าว ทำให้มูลค่าโครงการของกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อสิทธิใดๆ ของผู้ถือหน่วยลงทุน และไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker ที่มีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ให้มากที่สุด
โดยผลการดำเนินงานล่าสุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2552 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1,728.98 ล้านบาท มูลค่าหน่วยลงทุน 5.5119 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น และเงินลงทุนใหม่ของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาส
ในขณะที่ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกัน กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.19% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 54.93% โดยดัชนี FTSE/Xinhua China A50 (สกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกง) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 29.14% ย้อนหลัง 6 เดือน 64.67% ส่วนผลตอบแทนสกุลเงินบาทของดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.43% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 60.33%
ก่อนหน้านี้ นายไพศาล ครุฑดำรงชัย นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทหารไทย เปิดเผยถึงแผนงานของกองทุนหลังจากผ่านไตรมาสที่ 1 ว่า ทางบริษัทยังคงเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร โดยยังให้ความสนใจกับการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอยู่ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้ออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้รุ่นที่ 17 และสามารถขายหน่วยลงทุนได้กว่า 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนไทยนั้น ส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจกับการลงทุนในตราสารหนี้อยู่ มากกว่าการลงทุนในหุ้น เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น ดัชนีที่ปรับตัวลดลงไปนั้นเป็นการปรับฐานเพราะนักลงทุนเทขายทำกำไรออกมาโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกันในระยะที่ผ่านมานี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของประเทศในภูมิภาคเดียวกัน และยังรวมไปถึงตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน ที่มีการขายทำกำไรออกมา
สำหรับตลาดเกิดใหม่ นายไพศาลกล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศจีนนั้นมีแนวโน้มของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เนื่องจากประเทศมีเงินทุนสำรองจำนวนมาก และประเทศกำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันมีประชากรจำนวนมากทำให้มีการอุปโภคบริโภคจำนวนมาก โดยสำหรับกองทุนทหารไทย China Equity Index ซึ่งลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นจีนนั้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนดังกล่าวมีการโตขึ้นกว่า 40%