ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ.ยูโอบีจับจังหวะดัชนีปรับฐาน เล็งส่งกองทุนลุยหุ้นช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น พร้อมเน้นความรู้กองเดิม แนะนักลงทุน ทยอยเก็บหุ้นในช่วงพักฐาน ระบุมีโอกาสเจอแรงเทขายทำกำไร แต่ดัชนีไม่น่าหลุด 500 จุด สุดปลื้ม “ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์” สร้างผลตอบแทนเข้าเป้าได้ 10% ภายใน 1 เดือนครึ่ง เตรียมออกกองทุนซีรีส์เดียวกันเอาใจนักลงทุนเดือนกรกฎาคม 2552
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการออกกองทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทจะเน้นออกกองทุนหุ้นมากขึ้น ส่วนพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศหากยังไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจก็จะไม่ขายให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ยังจะให้ความรู้กองทุนเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมีความน่าสนใจแก่นักลงทุนด้วย โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย และประเทศจีน ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยตัวเลขที่ออกมาดี แสดงให้เห็นว่าดีขึ้นแล้ว โดยปัจจุบัน ในแง่หลักการแล้วนักลงทุนน่าจะเข้าไปซื้อหุ้น แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงได้ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปมีการตั้งเงินทุนสำรองน้อยอาจจะมีปัญหาได้ ซึ่งน่าเป็นห่วงต้องจับตาดูกันต่อไป ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้เข้ามาดูแลการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่จำนวน 19 แห่งอย่างจริงจัง ซึ่งนักลงทุนจะต้องนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด แต่ในระยะกลาง – ยาว หากมองว่าภาวะเศรษฐกิจทรงตัวแล้ว ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการพักฐาน นักลงทุนควรทยอยเข้าไปเลือกเก็บหุ้นได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่มีความแข็งแกร่งในด้านเศรษฐกิจหลายประเทศ จึงได้เริ่มทยอยแนะนำนักลงทุนลงทุนในหุ้น โดยหุ้นเอเชีย และจีน ผลประกอบการยังดี แม้ว่าในไตรมาส 3 จะแย่ลงไป แต่ในไตรมาส 4 จะกลับมาดีได้ หากมองในระยะยาวน่าจะดีขึ้น แต่จังหวะในการเข้าไปลงทุนจะต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับขึ้นไปเร็ว และแรงแล้ว โดยควรชะลอการซื้อ แต่หากดูจากราคาหุ้นในปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านไป 3 – 5 ปี หากไม่ซื้อในช่วงนี้อาจจะรู้สึกเสียดายได้
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เปลี่ยนมุมมองในหุ้นแล้ว หลังจากข้อมูลที่ออกมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ และเป็นต้นกำเนิดของปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐ (Sub prime) พบว่าตัวเลขการว่างงานลดลง หรือชะลอตัวลง ผลการทดสอบภาวะวิกฤติของสถาบันการเงิน และการสร้างบ้านใหม่ ซึ่งตัวเลขทั้งหมดเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะจีนที่เริ่มเห็นอย่างชัดเจน แสดงว่าการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปได้ผลมาก
นายวนา กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มเข้ามาตรวจสอบดูแลบริษัทใหญ่มากขึ้น จากเดิมไม่เคยทำเพราะคิดว่าบริษัทใหญ่ล้มไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ความสำคัญ และคาดว่าจะได้เห็นบริษัทใหญ่อยู่ภายใต้การกำกับจากภาครัฐมากขึ้น ส่วนในภาวะเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นเช่นกัน และปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังดี แต่ราคาขึ้นไปเร็ว แต่คาดว่าจะมีการปรับฐาน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้จะเทขายทำกำไรเมื่อได้กำไรที่ระดับ 20 – 30% แต่มองว่าดัชนีไม่น่าจะหลุด 500 จุด
ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ (UOBSS) ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย ไปเมื่อวันที่ 22 – 29 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดกองทุนสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10% ภายใน 1 ปี จึงสามารถเปิดกองทุนและคืนเงินให้ปผู้ถือหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดอายุกองทุน โดยจะทำการรับซื้นคืนหน่วยลงทุนอัติโนมัติในวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ซึ่งใช้เวลาในการลงทุน และคืนกำไรเพียง 1 เดือนครึ่งเท่านั้น
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ เป็นกองทุนที่มีอายุโครงการ 2 ปี แต่อาจจะเลิกโครงการก่อนกำหนด หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่กำหนดไว้ในโครงการ โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนหุ้นในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีศักยภาพในการเติบโตสูง นอกจากนั้นจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากภายในประเทศด้วย กองทุนนี้มีจุดเด่นอยู่ที่นักลงุทนมีโอกาสรับผลตอบแทนขั้นต่ำภายในปีแรก 10% หรือภายในปีที่ 2 ที่ 20% หากมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
ส่วนกองทุนนี้มีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชื่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาวการณ์ จึงเหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง ทำให้นักลงทุนหาจังหวะในการเข้าลงทุนในหุ้นรายตัวได้ค่อนข้างยาก ทั้งนี้ จึงเหมาะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเพียงพอในการติดตามหาข้อมูล และจังหวะในการลงทุน สามารถยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้ และเชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นตามเงื่อนไขในช่วงระยะเวลา 1 – 2 ปี นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจะออกกองทุนในซีรี่ส์เดียวกันในช่วงเดือนกรกฎาคม 2552