บลจ.ยูโอบี (ไทย) ปิดยอดขาย "ยูโอบี ซูเปอร์ สไตรก์" 20 ล้านบาท เหตุนักลงทุนยังกังวล ทำให้กองทุนหุ้นขายลำบาก และเน้นขายแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากกว่า เผยรอจังหวะ เตรียมเข็นกอง 2 ต่อ ย้ำกลยุทธ์บริหารงาน เน้นโชว์ผลตอบแทนดึงลูกค้า
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนยูโอบี ซูเปอร์ สไตรก์ (UOBSS) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการ 2 ปี ซึ่งเป็นกองทุนผสมลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ และหากมีผลตอบแทนที่ 10% ในปีที่ 1 แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายในปีแรก กองทุนจะยกเลิกหากมีผลตอบแทนที่ 20% ในปีที่ 2 โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 22 – 29 เมษายนที่ผ่านมา สามารถระดมทุนได้ประมาณ 20 ล้านบาท
สาเหตุที่ระดมทุนได้น้อย เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองุทนหุ้น ส่งผลให้ขายลำบาก และนักลงทุนทั่วไปยังไม่มั่นใจในตลาดหุ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นเสนอขายให้แก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มซึ่งคิดว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างแกว่งตัว และเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแนวโน้มที่จะออกกองทุนประเภทนี้ออกมาอีกในอนาคต แต่ต้องพยายามบริหารงานให้ผลการดำเนินงานของกองทุนยูโอบี ซูเปอร์ สไตรก์ออกมาดี โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้การจับจังหวะในการเข้าไปทยอยลงทุนในหุ้นแบบเก็บเล็กผสมน้อยจนได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ และเมื่อผลการดำเนินงานกองทุนออกมาดีจะส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนประเภทนี้ที่จะออกมาในอนาคตนั่นเอง
นายวนา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแนวคิดที่ออกกองทุนประเภทที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์อื่นออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และมักจะสนใจลงทุนในตราสารหนี้ และกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยเป็นหลัก
ส่วนการที่ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรทยอยเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่กองทุนรวมหุ้นของบริษัทมีการปรับเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์มากขึ้น โดยมีการให้น้ำหนักมากกว่าดัชนีหุ้น ส่วนสัดส่วนการถือเงินสดในปัจจุบันอยู่ที่ 10% จากก่อนหน้านี้ที่ถืออยู่ประมาณ 15%
ขณะที่งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 9 หรือมันนี่ เอ็กซ์โป 2009 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2552 ตั้งแต่เเวลา10.00 น.–20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัทจะเน้นขายกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) เป็นหลัก และไม่ได้มีการออกแคมเปญ หรือโปรโมชั่นเป็นพิเศษแต่อย่างใด
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ (UOBSS) เป็นกองทุนรวมผสมที่ไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีแนวโน้มและปัจจัยพื้นฐานดี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝาก โดยสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในขณะนั้นได้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กองทุนจะเลิกโครงการก่อนกำหนด ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ขณะเดียวกัน บลจ.ยูโอบี (ไทย) ยังอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนสำหรับรอบระยะการลงทุนใหม่ (โรลโอเวอร์) ของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 (UOB Protect 3M3) มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 (UOB Protect 6M2) ) มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และเงินฝาก และได้เปิดจองซื้ออีกครั้งตั้งแต่วันนี้ – 7 พฤษภาคม 2552 นี้ ขณะที่กองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 (UOBMF2) ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐบาล และสถาบันการเงินโดย โดยได้เปิดจองซื้ออีกครั้งในวันที่ 11 – 12 พฤษภาคม 2552 นี้ และทั้งสามกองทุนมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 เป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้นที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง) พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก อายุประมาณ 3 เดือน
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม เป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้น ที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง) พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก อายุประมาณ 6 เดือน
ขณะที่กองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 เป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่มุ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้จะไม่ลงทุนหรือมีไว้ในในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนยูโอบี ซูเปอร์ สไตรก์ (UOBSS) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการ 2 ปี ซึ่งเป็นกองทุนผสมลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ และหากมีผลตอบแทนที่ 10% ในปีที่ 1 แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายในปีแรก กองทุนจะยกเลิกหากมีผลตอบแทนที่ 20% ในปีที่ 2 โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 22 – 29 เมษายนที่ผ่านมา สามารถระดมทุนได้ประมาณ 20 ล้านบาท
สาเหตุที่ระดมทุนได้น้อย เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองุทนหุ้น ส่งผลให้ขายลำบาก และนักลงทุนทั่วไปยังไม่มั่นใจในตลาดหุ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นเสนอขายให้แก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มซึ่งคิดว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างแกว่งตัว และเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแนวโน้มที่จะออกกองทุนประเภทนี้ออกมาอีกในอนาคต แต่ต้องพยายามบริหารงานให้ผลการดำเนินงานของกองทุนยูโอบี ซูเปอร์ สไตรก์ออกมาดี โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้การจับจังหวะในการเข้าไปทยอยลงทุนในหุ้นแบบเก็บเล็กผสมน้อยจนได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ และเมื่อผลการดำเนินงานกองทุนออกมาดีจะส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนประเภทนี้ที่จะออกมาในอนาคตนั่นเอง
นายวนา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแนวคิดที่ออกกองทุนประเภทที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์อื่นออกมาในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และมักจะสนใจลงทุนในตราสารหนี้ และกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยเป็นหลัก
ส่วนการที่ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรทยอยเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่กองทุนรวมหุ้นของบริษัทมีการปรับเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์มากขึ้น โดยมีการให้น้ำหนักมากกว่าดัชนีหุ้น ส่วนสัดส่วนการถือเงินสดในปัจจุบันอยู่ที่ 10% จากก่อนหน้านี้ที่ถืออยู่ประมาณ 15%
ขณะที่งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 9 หรือมันนี่ เอ็กซ์โป 2009 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2552 ตั้งแต่เเวลา10.00 น.–20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัทจะเน้นขายกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) เป็นหลัก และไม่ได้มีการออกแคมเปญ หรือโปรโมชั่นเป็นพิเศษแต่อย่างใด
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ (UOBSS) เป็นกองทุนรวมผสมที่ไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีแนวโน้มและปัจจัยพื้นฐานดี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝาก โดยสามารถปรับกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในขณะนั้นได้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กองทุนจะเลิกโครงการก่อนกำหนด ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ขณะเดียวกัน บลจ.ยูโอบี (ไทย) ยังอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนสำหรับรอบระยะการลงทุนใหม่ (โรลโอเวอร์) ของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 (UOB Protect 3M3) มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 (UOB Protect 6M2) ) มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และเงินฝาก และได้เปิดจองซื้ออีกครั้งตั้งแต่วันนี้ – 7 พฤษภาคม 2552 นี้ ขณะที่กองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 (UOBMF2) ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐบาล และสถาบันการเงินโดย โดยได้เปิดจองซื้ออีกครั้งในวันที่ 11 – 12 พฤษภาคม 2552 นี้ และทั้งสามกองทุนมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 เป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้นที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง) พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก อายุประมาณ 3 เดือน
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม เป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้น ที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง) พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก อายุประมาณ 6 เดือน
ขณะที่กองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 เป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่มุ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้จะไม่ลงทุนหรือมีไว้ในในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ
