xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีเปิดขาย2กองโรลโอเวอร์ หวังรักษาเม็ดเงินเข้าพอร์ตต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ยูโอบี (ไทย) เตรียมส่งกองทุนโรลโอเวอร์ 2 โครงการลุยต่อ มูลค่าโครงการรวม 13,000 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และสถาบันการเงิน และเงินฝาก เปิดขายระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.พ. และช่วงวันที่ 10 - 12  ก.พ.นี้ โชว์ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนล่าสุดโตกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
 
 รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนสำหรับรอบระยะการลงทุนใหม่ (โรลโอเวอร์) ของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 (UOB Protect 3M3) มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้น เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และเงินฝาก โดยได้เปิดจองซื้ออีกครั้งในวันที่  2 - 5 กุมภาพันธ์ 2552 และกองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 (UOBMF2) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐบาล และสถาบันการเงินโดยจะเปิดจองซื้ออีกครั้งในวันที่ 10 - 12 กุมภาพันธ์ 2552  ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
 สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 3 เดือน) ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ,ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives)
โดยผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2551 ย้อนหลัง 3 เดือนพบว่าอยู่ที่ 3.04% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.37% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.02% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.31% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.84% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.21% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.38% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.80% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.84% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.21%
 ขณะที่สัดส่วนการลงทุนของกองทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2551 มีดังนี้ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 72.59% และลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 27.46% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ -0.05% และมีรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ ดังนี้ 1. พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 72.59% 2. บมจ.ธนาคารธนชาต 19.71% 3. บมจ.ธนาคารทิสโก้ 7.74%
 ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 2 จะมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้จะไม่ลงทุนหรือมีไว้ในในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ
โดยผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2551พบว่ามีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.13% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.60% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.03% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.69% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.86% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.55% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.47% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.06% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.86% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.55%
 ขณะที่สัดส่วนการลงทุนของกองทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2551 มีดังนี้ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 71.51% และลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 28.52% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ -0.03% และมีรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ ดังนี้ 1. พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 71.51% 2. บมจ.ธนาคารกสิกรไทย 14.99% 3. บมจ.ธนาคารธนชาต 13.49% 4. ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ 0.04%
กำลังโหลดความคิดเห็น