บลจ. ธนชาตเป็นปลื้ม ลูกค้าตอบรับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง เผยเดือนเดียว เปิดขาย 2 กองทุน "ธนชาตตราสารหนี้พลัส 1-2" ยอดจองเต็มตั้งแต่วันแรก ระบุส่วนใหญ่เป็นดีมานด์ลูกค้าในเครือแบงก์
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเปิดขายกองทุนตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจากการเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 1 (TFixPlus1) และ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 2 (TFixPlus2) สามารถระดมเงินได้เต็มมูลค่าโครงการภายในวันแรกที่เสนอขายทั้ง 2 กองทุน
ทั้งนี้ กองทุน TFixPlus1 เสนอขายครั้งเดียว(IPO)ระหว่างวันที่ 21 - 27 มกราคม 2552 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนกองทุน TFixPlus2 เสนอขายครั้งเดียว (IPO) ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2552 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 5 เดือน มูลค่าโครงการ 400 ล้าน โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ นอกจากนี้แล้วกองทุนดังกล่าวยังไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยจะนำผลกำไรไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
นายบุญชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ทั้ง 2 กองทุน ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกองทุนนั้นมีขนาดกองทุนที่ไม่ใหญ่มากนัก อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีจะเป็นนักลงทุนของ บลจ. เอง รวมถึงลูกค้าของธนาคารธนชาต และ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต เป็นหลัก โดยนักลงทุนมองว่า 2 กองทุนดังกล่าวนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาที่โครงการกำหนดไว้
โดย 2 กองทุนที่ออกมานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เนื่องจากว่าที่ผ่านมา บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น กองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน หรือกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนมันนี่มาร์เก็ต เป็นต้น ที่นักลงทุนต่างคุ้นเคยและให้การตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน ส่วนกองทุนที่ 3 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปิดต่อ เนื่องจากว่าต้องรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อออกมาให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในขณะนั้นด้วย ซึ่งต้องดูในเรื่องของผลตอบแทนที่น่าสนใจเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนได้ด้วย
ทั้งนี้ ในด้านการลงทุนในตราสารหนี้ มองว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากเช่นนี้ ส่งผลให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าและยังมีความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด จึงคาดว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกจะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่าปกติ เพื่อเกื้อหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจะปรับตัวลดลงอีกในปี 2552 ดังนั้น กองทุนรวมตราสารหนี้จึงยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่ผู้ลงทุนยังคงมีความกังวลในภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อ ๆ ไปหลังจากนี้ หาก บลจ.ธนชาต มองเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ก็คงจะมีการทยอยออกกองทุนตามภาวะตลาด เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเปิดขายกองทุนตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจากการเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 1 (TFixPlus1) และ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 2 (TFixPlus2) สามารถระดมเงินได้เต็มมูลค่าโครงการภายในวันแรกที่เสนอขายทั้ง 2 กองทุน
ทั้งนี้ กองทุน TFixPlus1 เสนอขายครั้งเดียว(IPO)ระหว่างวันที่ 21 - 27 มกราคม 2552 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนกองทุน TFixPlus2 เสนอขายครั้งเดียว (IPO) ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2552 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 5 เดือน มูลค่าโครงการ 400 ล้าน โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ นอกจากนี้แล้วกองทุนดังกล่าวยังไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยจะนำผลกำไรไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
นายบุญชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ทั้ง 2 กองทุน ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกองทุนนั้นมีขนาดกองทุนที่ไม่ใหญ่มากนัก อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีจะเป็นนักลงทุนของ บลจ. เอง รวมถึงลูกค้าของธนาคารธนชาต และ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต เป็นหลัก โดยนักลงทุนมองว่า 2 กองทุนดังกล่าวนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาที่โครงการกำหนดไว้
โดย 2 กองทุนที่ออกมานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เนื่องจากว่าที่ผ่านมา บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น กองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน หรือกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนมันนี่มาร์เก็ต เป็นต้น ที่นักลงทุนต่างคุ้นเคยและให้การตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน ส่วนกองทุนที่ 3 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปิดต่อ เนื่องจากว่าต้องรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อออกมาให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในขณะนั้นด้วย ซึ่งต้องดูในเรื่องของผลตอบแทนที่น่าสนใจเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนได้ด้วย
ทั้งนี้ ในด้านการลงทุนในตราสารหนี้ มองว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากเช่นนี้ ส่งผลให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าและยังมีความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด จึงคาดว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกจะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่าปกติ เพื่อเกื้อหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจะปรับตัวลดลงอีกในปี 2552 ดังนั้น กองทุนรวมตราสารหนี้จึงยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่ผู้ลงทุนยังคงมีความกังวลในภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อ ๆ ไปหลังจากนี้ หาก บลจ.ธนชาต มองเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ก็คงจะมีการทยอยออกกองทุนตามภาวะตลาด เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป