บลจ.เอ็มเอฟซี ประเดิมยอดขายกองหุ้น 50 ล้านบาท ชี้การตอบรับน้อยเหตุนักลงทุนยังไม่มั่นใจตลาด เล็งทำตลาดอีกรอบหลังความเชื่อมั่นกลับ ล่าสุด ส่งกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน เอาใจลูกค้าความเสี่ยงต่ำ รับผลตอบแทนเหนือเงินฝาก เปิดขายถึง 27 ม.ค.นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ไประหว่างวันที่ 14-20 มกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระดับหนึ่ง โดยมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนในช่วงไอพีโอเข้ามาเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนเปิด ดังนั้น นักลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ภายหลังจากกองทุนจดทะเบียนตั้งกองทุนแล้ว ซึ่งการตอบรับที่ไม่สูงมากดังกล่าว เป็นไปตามภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ที่ยังมองหาจุดต่ำสุดไม่เจอ จึงส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นักลงทุนมั่นใจแล้ว ก็สามารถกลับมาทำการตลาดสำหรับกองทุนนี้ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ส่งกองทุนตราสารหนี้ออกมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าต่อจากกองทุนดังกล่าว นั่นคือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ อายุประมาณ 3 เดือน เปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 21-27 มกราคมนี้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยในส่วนของตราสารหนี้เอกชนนั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเป็นการลงทุนระยะสั้นประมาณ 3 เดือน
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอมาตลอดอย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ หรือจ่ายจากกำไรสะสม
ทั้งนี้ กองทุนเปิด Hi-Div มีจุดเด่นอยู่ที่การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอแล้ว หุ้นที่เลือกลงทุนยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ในขณะที่ราคาของหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริง และยังพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มของธุรกิจที่มีความมั่นคง มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป (Defensive Stock) ซึ่งเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ นอกจากนี้ ตัวอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนได้แก่ กลุ่มพลังงาน สื่อสาร ขนส่งและโทรคมนาคม ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนตามความเหมะสมของสถานการณ์ของตลาดทุนได้ กองทุนยังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนและลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยสามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ได้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ไประหว่างวันที่ 14-20 มกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระดับหนึ่ง โดยมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนในช่วงไอพีโอเข้ามาเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนเปิด ดังนั้น นักลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ภายหลังจากกองทุนจดทะเบียนตั้งกองทุนแล้ว ซึ่งการตอบรับที่ไม่สูงมากดังกล่าว เป็นไปตามภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ที่ยังมองหาจุดต่ำสุดไม่เจอ จึงส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นักลงทุนมั่นใจแล้ว ก็สามารถกลับมาทำการตลาดสำหรับกองทุนนี้ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ส่งกองทุนตราสารหนี้ออกมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าต่อจากกองทุนดังกล่าว นั่นคือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีกาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ อายุประมาณ 3 เดือน เปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 21-27 มกราคมนี้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยในส่วนของตราสารหนี้เอกชนนั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเป็นการลงทุนระยะสั้นประมาณ 3 เดือน
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอมาตลอดอย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ หรือจ่ายจากกำไรสะสม
ทั้งนี้ กองทุนเปิด Hi-Div มีจุดเด่นอยู่ที่การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอแล้ว หุ้นที่เลือกลงทุนยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ในขณะที่ราคาของหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริง และยังพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มของธุรกิจที่มีความมั่นคง มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป (Defensive Stock) ซึ่งเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ นอกจากนี้ ตัวอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนได้แก่ กลุ่มพลังงาน สื่อสาร ขนส่งและโทรคมนาคม ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะลงทุนตามความเหมะสมของสถานการณ์ของตลาดทุนได้ กองทุนยังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนและลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยสามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ได้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Hi-Div) สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท