xs
xsm
sm
md
lg

Sci-Asset ตั้งเป้าเงินในมือโตเพิ่ม2หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บลจ.นครหลวงไทย”ตั้งเป้าปีนี้ขยายทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม)เพิ่มขึ้น 20,000 ล้านบาท เป็น 60,000 ล้านบาท เดินหน้ารุกทุกช่องทางด้วยโปรดักส์ที่เรียบง่าย ลูกค้าเข้าใจและรับความเสี่ยงได้อย่างสบายใจ พร้อมเน้นสร้างภาพลักษณ์ “ธีรพันธุ์”คาดเติบโตไตรมาสละ 5,000 ล้านบาท พร้อมเล็งออกกองทุนเอฟไอเอฟตราสารหนี้ภายในมกราคม ชี้ตลาดบอนด์ยังมีโอกาสที่ดีกว่า ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมยอมรับปีนี้เหนื่อย

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2552 โดยในครึ่งปีแรกนั้นได้อยู่ในช่วงที่กำลังปรับปรุงบริษัทให้มีมาตรฐานในเรื่องต่างๆให้ดีกว่าก่อนหน้านี้ ซึ่งจะปรับปรุงในด้านการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่นักลงทุน การวางแผนการตลาด และการสร้างโปรดักส์ใหม่ออกมาให้ลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งสร้างความชัดเจนของโปรดักส์ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้โปรดักส์ที่บริษัทจะทำออกมานั้นจะเน้นเป็นโปรดักส์ง่ายๆที่ลูกค้าสามารถรับความเสี่ยงของการลงทุนได้

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) อยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเอยูเอ็มเพิ่มจากปีที่ผ่านมาอีก 20,000 ล้านบาท รวมเป็น 60,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้วางแผนจะเพิ่มเอยูเอ็มให้ได้ไตรมาสละ 5,000 ล้านบาท จากการลงทุนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุนในตราสารทุน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือการออกกองทุนที่ลงทุนในประเทศและลงทุนในต่างประเทศที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ นอกจากนี้ ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศบริษัทจำเป็นต้องศึกษาตลาดที่จะเข้าไปลงทุนว่ามีตลาดที่ไหนบ้างสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน

การที่เรามีโปรดักส์รู้จักจับจังหวะการลงทุนที่ดี ก็จะช่วยสร้างเอยูเอ็มเพิ่ม สำหรับ บลจ.นั้นไม่น่าที่จะมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะบริษัทของเราจะสู้ทุกรูปแบบเพื่อที่จะสร้างเอยูเอ็มให้ได้เพิ่มขึ้นมาอีก 20,000 ล้านบาทในปีนี้ให้ได้"นายธีระพันธ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในเดือนมกราคมนี้ บริษัทมีการเตรียมการออกกองทุนใหม่ให้กับนักลงทุนได้ร่วมลงทุน โดยเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ หรือ เอฟไอเอฟ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศที่สามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4-5% แต่ทั้งนี้ บริษัทจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆก่อนที่จะทำการจัดตั้งกองทุน อีกทั้งจะต้องรอดูฝ่ายจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนได้เมื่อไหร่ หากว่าการเดินเรื่องจัดตั้งกองทุนไม่สามารถที่จะออกกองทุนได้จะเลื่อนไปออกในเดือนกุมภาพันธ์แทน

ทั้งนี้ สำหรับการออกกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นนั้น บริษัทยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะออกกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้ค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงสูง ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นก็ตาม โดยการลงทุนในตลาดตราสารทุน บริษัทกำลังดูแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกว่าจะมีทิศทางไปในทางใด เนื่องจากว่าไม่อยากที่จะนำความเสี่ยงมาสู่นักลงทุน อีกทั้งทั่วโลกได้ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ทั่วโลกมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

นายธีระพันธ์ กล่าวอีกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นระยะสั้นยังคงมีความเสี่ยงของการลงทุนสูง เนื่องจากว่าตลาดมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับการลงทุนในระยะยาวนั้น บริษัทมองว่า ตลาดหุ้นในช่วงนี้ได้ปรับตัวลงมาต่ำแล้ว แต่จะต่ำสุดหรือไม่นั้น ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ หากเป็นการลงทุนในระยะยาวนั้นราคาหุ้นในช่วงนี้ถือว่าน่าที่จะเก็บหุ้นเข้ามาไว้ในพอร์ตการลงทุนเพราะจะสามารถที่จะทำกำไรให้กับการลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้บริษัทมองว่ายังสามารถที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ ถึงแม้ว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็ตาม แต่การลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำ แต่ความเสี่ยงของการลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นแล้วถือว่าน้อยมาก

นอกจากนี้ ภาพรวมการลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมในไตรมาสแรกปี 2552 การลงทุนสำหรับทุกๆบลจ.ที่จะสร้างผลตอบแทนค่อนข้างที่เหนื่อยเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงทำให้ทุกๆบลจ.จะต้องขยันในการสร้างเม็ดเงินให้กับบริษัทของตนเอง โดยจากตรงนี้ บริษัทใหนที่สามารถบริหารจัดการกองทุนได้ดีโอกาสที่เอยูเอ็มของบริษัทจะเติบโตก็มีมากกว่าบลจ.อื่นๆ

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนหน้านี้เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย ให้ความเห็นว่าในปีที่ผ่าน (2551) บริษัทจะพยายามคงระดับสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ภายในปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท โดยจะพยายามไม่ให้ปรับตัวลดลง และเป้าหมายต่อไปคือต้องเพิ่มAUMเป็น 1 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอย่างภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยหากดีขึ้นเรื่องดังกล่าวอาจสามารถทำได้ภายในเพียง 2ปีกว่าเท่านั้น

ปัจจุบัน บลจ.นครหลวงไทย อยู่ในขั้นตอนการจัดระเบียบองค์กรใหม่ เพื่อให้มีความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงานมากขึ้น และให้เป็นมาตรฐานที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และในปี 2552ทางบริษัทจะเน้นการประชาสัมพันธ์ และวางรากฐานข้อมูล รวมถึงระบบการให้บริการลูกค้าที่สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย จำกัด ในส่วนของสถาบันวิจัยนครหลวงไทย เพื่อนำข้อมูลทางด้านนี้ใช้กับการตลาดและธุรกิจ รวมถึงนำไปใช้ในเรื่องของการลงทุน โดยเชื่อว่าจากความร่วมมือนี้จะช่วยให้ต้นทุนทางธุรกิจของบริษัทลดลงไปได้ในระดับหนึ่ง

ขณะเดียวกัน บริษัทจะร่วมกับบริษัทในเครือ เช่น บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต โดยเบื้องต้นบริษัทได้นำเอาพอร์ตลงทุนของบริษัทประกันชีวิตมาดูแล และเตรียมนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการลงทุน และให้ความช่วยเหลือในด้านยูนิตลิงก์
"สิ่งที่จะทำคือสร้างความเป็น Scib Familly ให้กับบริษัทและอุปมาธนาคารพาณิชย์เปรียบเสมือนซูเปอร์มาร์เก็ต หากนักลงทุนเข้ามาแล้วจะมีสินค้าที่ต้องการครบครันทุกสิ่งนั่นเอง อีกทั้งและจะเน้นสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร (Brand Image) เป็นหลักด้วย "

นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า กล่าวถึงบลจ.นครไทย ซึ่งได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการว่า เป็นบลจ.ที่ศักยภาพ แม้จะเพิ่งให้บริการได้ไม่นาน แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอลูกค้าได้ครบรูปแบบ โดยในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมบริษัทจะไม่นำผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงมากมาออกกองทุน แต่จะเน้นออกเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้าใจง่าย และปลอดภัยให้กับลูกค้าเพื่อให้เหมาะสมกับภาวะในช่วงนี้

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงจะมีความเหมาะสมกับกองทุนส่วนบุคคลมากกว่า ซึ่งได้แก่นักลงทุนประเภทองค์กรที่มีความรู้มาก และไม่ใช่การเข้าไปขายของตัวแทนขายหน่วยลงทุน (Selling Agent) แต่เป็นการขายผ่านบริษัทโดยตรง ทำให้สามารถอธิบายให้นักลงทุนดังกล่าวเข้าใจได้ ส่วนการไปลงทุนในต่างประเทศจะอาศัยสายสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วด้วย

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะแยกฝ่ายการตลาด (Marketing) ออกจากฝ่ายขาย (Sell) โดยฝ่ายการตลาดจะทำการเก็บข้อมูลวิจัย สร้างกลยุทธ์และแผนการตลาดสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยตรง และปล่อยให้ฝ่ายขายทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าเก่า และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาจากแผนการตลาดใหม่ที่กำลังศึกษาอยู่ ณ ขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น