"2 กองทุนเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น"
กว่าขวบปีที่ผ่านมา นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นโดยตรง หรือแม้แต่ในกองทุนหุ้นเองคงอึดอัดกันอยู่ไม่น้อย หลังจากดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปกว่า 40 – 50% จากพิษปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐอเมริกา (ซับไพรม์) ที่ไล่ลามจนมาจนเป็นวิกฤติของสถาบันการเงินทั่วโลก ส่งผลให้การลงทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนติดลบกันเป็นทิวแถว
แต่ครั้นจะไม่ลงทุนเลยก็ไม่ได้จึงต้องยอมรับกับชะตากรรมที่ไม่มีใครอยากเจอโดยดุษฎี ทำได้เพียงการเลือกโอกาสและจับจังหวะในการเข้าไปลงทุนเท่านั้น และนับจากเปิดศักราชปีฉลูมา ได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์เต็ม นักลงทุนหลายท่านยังคงรีรอโอกาสที่จะลงทุนในกองทุนที่มีความน่าสนใจ และไม่มีความเสี่ยงมากจนเกินไปนัก หลังจากเจ็บตัวไปตามๆ กันในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ค่อนข้างฮอตฮิตในอดีตที่หลายคนลงทุนกำลังจะทยอยหมดอายุลงแล้ว อะไรที่ใกล้ๆ ตัวคงจะกลับมาได้รับความนิยมกันอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในปี 2552 คาดว่าหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะกลับมาเน้นเสนอขายกองทุนที่มีความเรียบง่าย เข้าใจง่าย และไม่ซับซ้อน เน้นความปลอดภัย ควบคุมความเสี่ยง และความคุ้มค่ากับการลงทุนเป็นหลัก
แม้ว่าหลายคนจะคิดว่าในช่วงที่ยังมีความผันผวนสูง ไม่ควรลงทุนก็ตาม เพราะความคิดที่ว่านั้นดูจะไม่ถูกต้องนัก ยิ่งภาวะผันผวนยิ่งต้องลงทุนเพื่อสู้กับค่าเงินเฟ้อที่เข้ามากัดกร่อนให้เม็ดเงินในมือของเรามีน้อยลงไปอีก เราจึงไม่สามารถเลี่ยงลงทุนได้ แต่ก็ควรจะลงทุนเท่าที่ความเสี่ยงของตัวเองจะสามารถยอมรับได้ และยิ่งหากเป็นเงินเย็นยิ่งดี
วันนี้คอลัมน์ “Mutualfund IPO” วันนี้ขอพาไปดูกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 2 กองทุนที่ บลจ.บัวหลวงนำมาเสนอขายรับปีใหม่ ได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/09 และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/09 ซึ่งจะเน้นตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ฯลฯ โดยจะเริ่มเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 มกราคมนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกรับผลตอบแทนที่มั่นคงและความเสี่ยงต่ำในภาวะตลาดเงินและตลาดทุนผันผวน
วศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศ 2 กองทุน ประกอบด้วย 1.กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/09 (Bualuang Thanarat 1/09 : B1/09) และ 2. กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/09 (Bualuang Thanarat 2/09 : B2/09) ซึ่งได้ทำการเปิดขายครั้งแรกแล้วตั้งแต่วันที่ 5 – 12 มกราคม 2552 นี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/09 มีอายุโครงการประมาณ 4 – 6 เดือน โดยมีขนาดโครงการ 4,000 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/09 มีอายุโครงการประมาณ 6 – 8 เดือน มีขนาดโครงการอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ทั้ง 2 กองทุนจะให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.6%ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคงสูง และความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/09 และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/09 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยหรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา อนึ่ง กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
โดยทั้ง 2 กองทุนเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
ส่วนผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/09 และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/09 เพิ่มเติมและจองซื้อได้ที่สาขาธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.บัวหลวง โทร. 0 2674 6488 ฝ่ายการตลาด กด 8 หรือบัวหลวงโฟน โทร. 1333
