xs
xsm
sm
md
lg

ฟิลลิปแจงAUMปีหนู300ล้าน เล็งเพิ่มผลงานดึงดูดลูกค้าปี52

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ฟิลลิป แจงเอยูเอ็มปี51ไม่เข้าเป้า600ล้านบาท เหตุเจอปัจจัยต่างๆเข้ามากระทบนักลงทุนจึงทยอยไถ่ถอนคืนหน่วยลงทุน เผยยังไม่มีแผนออกกองทุนใหม่เน้นบริหารกองทุนที่มีอยู่ให้ดี พร้อมคาดตลาดหุ้นปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น แต่นักลงทุนจะยังคงเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มีความปลอดภัยสูงมากกว่า
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมการลงทุนของบริษัทผลในปี 2551 โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้วางเป้าผลการดำเนินงานอยู่ที่ 600 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆเข้ามากระทบทำให้นักลงทุนทยอยถอนหน่วยลงทุนคืน เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้ผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ 600 ล้านบาทเหลือเพียง300 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีปัจจัยต่างเข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วส่งผลลุกลามไปทั่วโลก

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศ(ธปท)ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายลง 2 ครั้ง ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนลดน้อยลง จึงทำให้นักลงทุนต่างหันมาไถ่ถอนคืนหน่วยลงทุนเพื่อถือครองเงินสดมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากการไถ่ถอนคือหน่วยลงทุนเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน การที่บริษัทเป็นพียงบริษัทเล็กไม่ค่อยที่จะเป็นที่รู้จักมากจากนักลงทุน จึงทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนกับบริษัทมีเพียงไม่มาก ซึ่งไม่เหมือนกับบลจ.อื่นที่ลูกค้ามีธนาคารพาณิชย์เป็นธนาคารแม่ค่อยสนับสนุนในเรื่องของฐานลูกค้า อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนกับบริษัทเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนของบริษัทว่ามีความมั่นคงและปลอดภัยสูง

อย่างไรก็ตาม จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(แอลทีเอฟ)ของบริษัทแต่อย่างใดถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีนักลงทุนมาไถ่ถอนคืนหน่วยลงทุนบ้างก็ตาม แต่เป็นการไถ่ถอนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนP-cash หรือ ฟิลลิปบริหารเงิน ซึ่งนี้สำหรับกองทุนP-cash มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากเกิดปัจจัยต่างๆเข้ามากระทบทำให้นักลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุนส่งผลให้ขนาดของกองทุนลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง

นายวรรธนะกล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนของบริษัทไม่ได้เน้นการลงทุนในหุ้น เนื่องจากว่าการลงทุนในหุ้นค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงของการลงทุนโดยบางครั้งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนกับบริษัทก็ไม่สามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนได้มาก ซึ่งนักลงทุนในประเทศส่วนใหญ่ หากไม่ใช่นักลงทุนที่นิยมเล่นหุ้นอยู่แล้วก็จะไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงของความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ขณะเดียวกันสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนได้ก็จะนิยมเปิดพอร์ตเป็นของตนเองมากกว่าการมาลงทุนกับกองทุน ยกเว้นการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ จึงถือเป็นข้อดีของการลงทุนในกองทุน โดยนักลงทุนส่วนมากนิยมลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งมีความเสี่ยงน้อย

สำหรับกองทุนแอลทีเอฟนั้น บริษัทมองว่าเนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว 5 ปีปฏิทิน โดยตลาดจะผันผวนอย่างไรแต่กองทุนก็จไม่ได้รับผลกระทบและยังเป็นกองทุนที่ลงทุนแล้วไม่มีขาดทุน แต่เนื่องจากในครึ่งปีหลังที่ผ่านมานั้นตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาอย่างหนัก ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นหลังจากนี้บริษัทคาดว่าโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปได้มากกว่าดัชนีจะปรับตัวลดลง

นายวรรธนะ กล่าวอีกว่า การลงทุนในปีนี้ นักลงทุนจะยังคงให้ความสนใจลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้มากกว่าการลงทุนในตลาดตราสารทุน โดยมองว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มีความเหมาะสมแก่นักลงทุนมากว่า อีกทั้งยังไม่มีความเสี่ยงในการลงทุน จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างปลอดภัย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีกก็ตาม โดยการลงทุนในตราสารหนี้จะเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ซึ่งการเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ทั้งในเรื่องของความเสี่ยงของการลงทุนนั้นแทบจะไม่มี

ถึงแม้ว่าการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล แต่หากบริษัทที่ได้ทำการปล่อยหุ้นกู้เอกชนเกิดขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ผลต่างตอบแทนไม่มากนัก อีกทั้งความเสี่ยงเมื่อครบกำหนดตราสารแล้วโอกาสที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนอาจจะเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ สำหรับการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมามากจากก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทมองว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ โดยดัชนีตลาดหุ้นได้ผ่านพ้นช่วงที่ต่ำที่สุดมาแล้ว หลังจากนี้อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งการที่นักลงทุนกลับเข้าไปลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นค่อนข้างที่จะเสี่ยง ขณะเดียวกันการลงทุนในปีนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักลงทุน บริษัทมองว่าการลงทุนในตราสารหนี้ และพันธบัตรรัฐบาลจะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ไม่นิยมความเสี่ยง

"ในปีนี้บริษัทจะยังคงไม่มีการออกกองทุนรวมใหม่ แต่จะยังคงบริหารกองทุนที่มีอยู่ให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยจะเน้นในเรื่องการบริหารจัดการและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่งบริษัทคาดหวังว่ากองทุนรวมจะสามารถสร้างเม็ดเงินให้กลับมาเท่าเดิมที่600ล้านบาทอย่างแน่นอน" นายวรรธนะ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น