บลจ. ธนชาตขยับแผนงานไตรมาส 2 รุกปรับพอร์ตกองรวมหุ้นและกองทุนรวมตราสารหนี้ หลังเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว เผยเตรียมทยอยซื้อหุ้นกลับเข้าพอร์ต ทำกำไรระยะยาว ในขณะที่ตราสารหนี้ เดินหน้าออกบอนด์อายุยาวขึ้น รับดอกเบี้ยต่ำติดดิน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานกองทุนหุ้นและกองทุนตราสารหนี้ในไตรมาส 2 ว่า ภายหลังจากที่เจอพิษเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องมีการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเป็นจำนวนมาก แต่ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทเริ่มที่จะทยอยช้อนซื้อหุ้นคืนกลับมาบ้างแล้ว เนื่องจากว่าถ้ามองในระยะกลาง ถึงระยะยาว ในช่วง 1 – 2 ปี ข้างหน้านี้ จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะหลายฝ่ายต่างวิเคราะห์กันว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดีและฟื้นตัวได้ในช่วง 1 – 2 ปีนี้
ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ ในขณะนี้ ยังคงต้องรอดูจังหวะให้แน่ชัดก่อน เนื่องจากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศตกลงไปเยอะพอสมควร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในไตรมาส 2 นี้น่าจะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งถ้าเกิดภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมาบ้างบริษัทถือว่าเป็นจังหวะที่สามารถลงทุนเพิ่มขึ้นได้ในไตรมาสนี้
สำหรับกองทุนหุ้นที่บริษัทบริหารจัดการขณะนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 8 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิดเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล 2. กองทุนเปิดธนชาติทุนเพิ่มทวี 3. กองทุนเปิดธนชาติฟันดาเมนทอล พลัส 4. กองทุนเปิดพิบูลย์ทรัพย์ปันผล 5. กองทุนเปิดสินไพฑูรย์ 6. กองทุนเปิดออมสินพัฒนาภูมิภาค 7. กองทุนเปิดอุดมทรัพย์ปันผล และ 8. กองทุนเปิดอุดมทรัพย์ปันผล 2
ขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้ ในไตรมาส 2 จะเน้นออกกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุยาวขึ้น เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากน่าจะมีการปรับลดลงไปอีก ซึ่งการออกกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนประเภทดังกล่าวเป็นการลงทุนแบบเงินเย็น และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนในขณะนี้
โดยขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 5(TFixPlus5)ซึ่งเริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้ - 27 เมษายน 2552 มีอายุกองทุนประมาณ 5 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าว มีมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝาก หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศนั้น บริษัทมีแผนมีแผนที่จะออกกองทุนรวมต่างประเทศ หรือเอฟไอเอฟเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ที่ดีในต่างประเทศทั่วโลก และมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ แบบไม่จำกัดโอกาสในการลงทุน ซึ่งจะเป็นการบริหารกองทุนคล้าย ๆ กับกองทุนเปิดธนชาตอินฟราสตัคเจอร์ แอนด์ แน็ชเชอรัล รีซอร์ส ที่มีการกระจายการลงทุนไปตามคอปอเรทบอนด์
โดยผู้จัดการกองทุน จะทำการคัดเลือกตราสารหนี้จากทั่วประเทศและนำมาคัดเลือกอีกครั้ง โดยจะเลือกตราสารหนี้ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีหรือเป็น Best of Fund เข้ามายังกองทุนดังกล่าวประมาณ 5 - 7 กองทุนจากกองทุนทั่วโลก เป็นต้น โดยกองทุนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังรอดูช่วงที่เหมาะสมในการเปิดขายกองทุนอยู่