xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีขาย2กองทุนโรลโอเวอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ยูโอบี (ไทย) เตรียมส่งกองทุนโรลโอเวอร์ 2 โครงการลุยต่อ มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝาก เปิดขายเอาใจนักลงทุน ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
 รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนสำหรับรอบระยะการลงทุนใหม่ (โรลโอเวอร์) ของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 1 (UOB Protect 3M1) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ประเภทคุ้มครองเงินต้น เน้นลงทุนเฉพาะตราสารภาครัฐบาล และเงินฝาก ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 3 (UOBMF3) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐบาล และเงินฝาก โดยจะเปิดจองซื้ออีกครั้งในวันที่ 9 – 13 มีนาคม 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
    สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 1 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 3 เดือน)
   โดยผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 30 มกราคม 2552 ย้อนหลัง 3 เดือนพบว่าอยู่ที่ 2.73% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.89% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.92% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.14% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.79% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.16% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.35% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.74% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.01% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.38%
       ขณะที่สัดส่วนการลงทุนของกองทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มกราคม 2552 มีดังนี้ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 73.39% และลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 26.65% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ -0.04% และมีรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ ดังนี้ 1. พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 73.39%  2. บมจ.ธนาคารทิสโก้ 19.96% 3.ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 6.70%
    ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี มันนี่ ฟันด์ 3 จะมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้จะไม่ลงทุนหรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และหลักทรัพย์ หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ
     โดยผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 30 มกราคม 2552 พบว่ามีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.87% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.19% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.02% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.88% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.49% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.52% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.02% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.42% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.65%
       ขณะที่สัดส่วนการลงทุนของกองทุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มกราคม 2552 มีดังนี้ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 85.76% และลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 14.23% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ -0.01% และมีรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ ดังนี้ 1. พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 85.76% 2. บมจ.ธนาคารธนชาต 14.16% 3.ธนาคารคาลิยง 0.04% 4. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 0.02%
กำลังโหลดความคิดเห็น