xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นแผนกระตุ้นศก.เห็นผล แรงผลักดันขับเคลื่อนการฟื้นตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คงเป็นช่วงที่การลงทุนมีความคึกคักกันพอสมควรทีเดียว หลังจากตลาดหุ้นทะยานขึ้นไป โดยหุ้นหลายๆตัวก็เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะยังไม่ผ่านไตรมาส 2 ก็ตาม แต่เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนเริ่มกลับมาดีขึ้นตามบรรยากาศต่างประเทศ ที่เริ่มมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

 ซึ่งการที่ความเชื่อมั่นในเรื่องของเศรษฐกิจและการลงทุนเริ่มกลับมานั้น เราต้องมองย้อนไปถึงการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือ มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วทั้งโลกห ลังจากโดนปัญหาในเรื่องของวิกฤตสถาบันการเงิน ตั้งแต่การลดอัตราดอกเบี้ย การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เป็นต้น

 ณ ขณะนี้ผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านั้น เริ่มส่งผลลัพธ์ออกมาแล้วในหลายๆประเทศ โดยในสหรัฐอเมริกานั้นอย่างที่ทราบกัน ตัวเลขเศรษฐกิจของสถาบันการเงินหลังไตรมาสแรกที่ประกาศออกมานั้น ได้สร้างความมั่นใจไปถึงภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย ขณะที่ยุโรปนั้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกลับไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐฯแต่อย่างใด เป็นเพราะความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจและผลกระทบที่แต่ละประเทศได้รับ ส่งผลให้การแก้ปัญหาวิกฤตมีความล่าช้ากว่าสหรัฐฯ ซึ่งก็ถือได้เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้ว่าแต่ละประเทศมีประสิทธิภาพในบางอย่างที่ต่างกัน

 ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า ประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้น้อยมาก ภาคส่วนสถาบันการเงินนั้นแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลย ทำให้การกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นจะมีความรวดเร็วกว่าตามที่ได้มีการมองกันไว้

 แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็คงต้องดำเนินต่อไป รวมทั้งการรับมือกับเรื่องที่จะเกิดในอนาคตด้วย (ที่เริ่มเห็นบ้างแล้วในตอนนนี้ก็คือเรื่องราคานํ้ามัน)
เมื่อ กลับมองมาที่ประเทศไทยแล้ว เราก็ได้รับผลกระทบไปพอสมควรตามวิถีโลก ที่เห็นกันก็คือเรื่องของการส่งออกที่หายไปอย่างมากจน จีดีพี ไตรมาสแรกที่ออกมาติดลบไปถึง 7% ทีเดียว แต่การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็ดำเนินการไปอย่างเต็มที่ ผลที่ออกมานั้นในมุมมองของผู้จัดการกองทุนเป็นอย่างไรกันบ้าง และจะมีผลอย่างไรต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวมด้วย

 มนต์ชัย จาตุรันต์ภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด บอกว่า ผลจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยนั้น ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี เช่นเดียวกับการดำเนินการของทั่วโลก ที่เป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีจนสามารถสร้างความคาดหวังที่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 ขณะเดียวกันตลาดหุ้นของไทยก็ได้สะท้อนผลของเรื่องนี้ออกมาเช่นกัน โดยมีการคาดหวังกันว่าเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างแรงนี้ เป็นผลมาจากส่วนหนึ่งที่ราคาหุ้นตกลงไปอย่างมาก บวกกับเรื่องของบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นอันเนื่องมาจากความคาดหวังของเศรษฐกิจที่จะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งไม่ได้มาจากในเรื่องของปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ดังนั้น แน่นอนว่าตลาดหุ้นจะยังคงมีความผันผวนอยู่อย่างแน่นอน
 
   อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการมองกันว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แต่ยังมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่น่าจะเป็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วนัก แต่จะเป็นการปรับตัวในลักษณะที่ค่อยๆดีขึ้น

 ส่วนในเรื่องของเงินกู้ 4 แสนล้านบาทที่ได้รับความเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน มองว่า แม้ว่าการกู้เงินจำนวนดังกล่าวจะเป็นการสร้างหนี้ให้แก่รัฐบาลก็จริง แต่เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐบาลก็สามารถชำระหนี้ดังกล่าวได้ ทั้งนี้การกู้เงินของรัฐบาลนั้นจะเป็นการออกพันธบัตรให้แก่ประชาชน  ซึ่งจะส่งให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
 
ขณะที่แนวโน้มของอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้น มนต์ชัย บอกว่า  แนวโน้มของอุตสาหกรรมกองทุนรวมต่อจากนี้ เนื่องจากกองทุนรวมมีรูปแบบการลงทุนที่สามารถรองรับความต้องการลงทุนจากนักลงทุนที่หลากหลาย และเหมาะกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละคน ดังนั้น กองทุนรวมก็จะยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจไม่ดี นักลงทุนก็จะลงทุนในตราสารหนี้ แต่หากเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นก็จะสับเปลี่ยนเข้าไปลงทุนในหุ้นแทน
 ...นั้นเป็นมุมมองจากผู้บริหารกองทุนที่มองเศรษฐกิจของไทยและการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ต้องถือว่ารัฐบาลก็ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนที่สมควร แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยนั้นไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเท่าต่างประเทศก็ตาม
 คาดสัปดาห์นี้ตลาดผันผวน

 โดยสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงเรื่องเงินกู้ 4 แสนล้านที่ไม่ขัดต่อกฎหมายด้วยโดยตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 7.8%  มีปัจจัยหนุนหลักจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติหลังจากค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับอ่อนตัวในช่วงเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ อีกทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและปัจจัยในประเทศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศมีความชัดเจนขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการออก พ.ร.บ. เงินกู้ 4 แสนล้านบาทของรัฐบาลไม่ขัดต่อกฎหมาย

 ขณะที่แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้  สถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้มีโอกาสผันผวนตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1)  ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน  จากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และ 2)  เงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเชีย  เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวในตลาดหุ้นหลัก ได้แก่ จีน อินเดีย และ เกาหลีใต้ ดังนั้นในสัปดาห์นี้ตลาดฯมีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไร

 ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นนั้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจากอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยในสัปดาห์ที่แล้วเงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับแข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ ดัชนี Dollar Index ปรับเพิ่มขึ้น 1.81% หลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวก ซึ่งทำให้มีความหวังที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ อีกทั้งตลาดเริ่มมีการคาดการณ์ถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการแข็งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยพบว่าFED Fund Future ในเดือน ก.ย. มีความเป็นไปได้ 48.5% ที่ FED จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5-0.75%
กำลังโหลดความคิดเห็น