คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 0.02 จุดหรือ 0.005 % โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.52 SET ปิดที่ระดับ 431.50 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 8,150 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน SET ปรับตัวลดลงตามการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) รายงานยอดขาดทุน ประจำไตรมาส 4 ปี 2551 ที่ระดับ 61,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นยอดขาดทุนรายไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาคเอกชนของสหรัฐฯ และผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)แสดงความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะการเงินของบริษัท ทำให้ SET ปรับตัวลดลงและแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 408.78 ในวันที่ 3 มีนาคม
หลังจากนั้น SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและสามารถยืนเหนือระดับ 7,000 ได้ ประกอบกับดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น ตัวเลขค้าปลีกเดือน ก.พ. ปรับตัวลดลงเพียง 0.1%MoM น้อยกว่าที่ตลาดคาด, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 22.2%, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดถึง 4.7% ,ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดถึง 3.4% และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 0.00-0.25%และเฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และขยายการรับซื้อตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจำนอง เพื่อช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
นอกจากนั้นในช่วงปลายเดือนรัฐบาลยังได้ประกาศแผนขจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากภาคธนาคารของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นและ SET ปรับตัวขึ้นและแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 443.01 ในวันที่ 24 มีนาคม นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลงน้อยกว่าคาดเพียง 11.3% yoy ซึ่งเทียบกับมูลค่าการส่งออกในเดือนพฤศจิกายน, ธันวาคม และมกราคมที่หดตัวหนักถึง 20.5%, 14.6% และ 26.5% ตามลำดับ โดยในเดือนมีนาคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2,148 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิ 550 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 2,698 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนเมษายน
ในช่วงเดือนเมษายน SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 410-450 จุด โดยตลาดยังคงเคลื่อนไหวตามการปรับตัวของตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลก โดยมีปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
จากการที่ระดับราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงประมาณ 50 % ในปีที่ผ่านมาประกอบกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยการเมืองยังเป็นความเสี่ยงในการลงทุน จึงแนะนำให้หาจังหวะในการทยอยลงทุนในกองทุนตราสารทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยที่ระดับปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว และซื้อขายที่ระดับไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีประกอบกับอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูง
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 0.02 จุดหรือ 0.005 % โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.52 SET ปิดที่ระดับ 431.50 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 8,150 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน SET ปรับตัวลดลงตามการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) รายงานยอดขาดทุน ประจำไตรมาส 4 ปี 2551 ที่ระดับ 61,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นยอดขาดทุนรายไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาคเอกชนของสหรัฐฯ และผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)แสดงความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะการเงินของบริษัท ทำให้ SET ปรับตัวลดลงและแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 408.78 ในวันที่ 3 มีนาคม
หลังจากนั้น SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและสามารถยืนเหนือระดับ 7,000 ได้ ประกอบกับดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น ตัวเลขค้าปลีกเดือน ก.พ. ปรับตัวลดลงเพียง 0.1%MoM น้อยกว่าที่ตลาดคาด, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 22.2%, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดถึง 4.7% ,ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดถึง 3.4% และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 0.00-0.25%และเฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และขยายการรับซื้อตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจำนอง เพื่อช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
นอกจากนั้นในช่วงปลายเดือนรัฐบาลยังได้ประกาศแผนขจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากภาคธนาคารของสหรัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นและ SET ปรับตัวขึ้นและแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 443.01 ในวันที่ 24 มีนาคม นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลงน้อยกว่าคาดเพียง 11.3% yoy ซึ่งเทียบกับมูลค่าการส่งออกในเดือนพฤศจิกายน, ธันวาคม และมกราคมที่หดตัวหนักถึง 20.5%, 14.6% และ 26.5% ตามลำดับ โดยในเดือนมีนาคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2,148 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิ 550 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิ 2,698 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนเมษายน
ในช่วงเดือนเมษายน SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 410-450 จุด โดยตลาดยังคงเคลื่อนไหวตามการปรับตัวของตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลก โดยมีปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
จากการที่ระดับราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงประมาณ 50 % ในปีที่ผ่านมาประกอบกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยการเมืองยังเป็นความเสี่ยงในการลงทุน จึงแนะนำให้หาจังหวะในการทยอยลงทุนในกองทุนตราสารทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยที่ระดับปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว และซื้อขายที่ระดับไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีประกอบกับอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูง