xs
xsm
sm
md
lg

กรุงไทยมองเกาหลีจ่อลดดบ.อีก0.5%มั่นใจไม่กระทบผลตอบเเทนกองทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้บริหารบลจ.กรุงไทย คาดแบงก์ชาติเกาหลีใต้ จ่อลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในวันที่ 12 กพ.นี้ระบุไม่กระทบกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้เเน่นอน เชื่อ เเม้เกาหลีปรับดอกเบี้ย เเต่ผลตอบเเทนสูงกว่ากองทุนที่ลงทุนในพันบัตรรัฐบาลไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 นี้ ทางธนาคารกลางเกาหลีใต้ หรือ BoK จะมีการหารือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง  ซึ่งเรามองว่า การประชุมที่มีขึ้นนี้ ทาง BoK อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงประมาณ 0.5% หลังจากที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยไปเเล้ว 5 ครั้งด้วยกัน โดยกองทุนที่บลจ.กำลังเปิดขายหรือขายไปเเล้วนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเเน่นอน ในขณะเดียวกันหากมีกองทุนเปิดขายหลังวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก็อาจจะทำให้ผลตอบเเทนของกองทุนปรับลดลง  เเต่เมื่อเทียบเเล้วผลตอบเเทนระหว่างพันธบัตรไทยรัฐบาลไทย เเละพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ จะพบว่าพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่า
 " ณ ตอนนี้ผลตอบเเทนของกองทุนที่ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย 6 เดือนคุ้มครองเงินต้นอยู่ที่ 1.2%  ส่วนผลตอบเเทนของกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 6 เดือน 6 ที่กำลังเปิดขายวันนี้เป็นวันสุดท้าย อยู่ที่ 3% ด้วยกัน เมื่อเทียบกันเเล้วกองทุนที่ลงทุนในเกาหลีใต้ยังสามารถให้ผลตอบเเทนที่ดีในการลงทุน " นายสมชัย กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 6 เดือน6 จะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายทั้งในและต่างประเทศที่บริษัทจัดการพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นตราสารแห่งหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจจะพิจารณาลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย หรือตราสารเทียบเท่าเงินสด ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือให้ความเห็นชอบ นอกจากนี้ กองทุนอาจลงทุนในทรัพย์สินอื่น ได้แก่ การเข้าทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนกับตราแห่งหนี้ดังกล่าวข้างต้น และ/หรือหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยจะคำนึงถึงความมั่นคง และผลตอบแทนของตราสารเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เช่น การทำสัญญาสวอป และ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ด (Forward) ที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) แต่กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญา ซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ดังกล่าวได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ทราบล่วงหน้าเฉพาะในกรณีที่คู่สัญญาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในต่างประเทศ
 ด้านรายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย เปิดเผยสถานการณ์เศรษฐกิจเเละการลงทุนประเทศเกาหลีใต้ว่า  การขยายตัวของเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ -5.6%QoQ หรือ -3.4%YoY ลดลงจาก ไตรมาส3 ของปีเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 0.5%QoQ หรือ +3.8%YoY นับเป็นการหดตัวลงรายไตรมาสที่มากที่สุดนับตั้งเเต่เกิดวิกฤติเงินเอเชีย เนื่องจากการส่งออกลดลงไปมาที่สุดในรอบ 30 ปี ขณะที่เศรษฐกิจโลกถดถอย ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคเเละการลงทุนของบริษัทต่างๆลดลงอย่างมากทโดยรวมทั้งปี 2551 เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว 2.5% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งเเต่ปี 2541
ทั้งนี้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังคงเผชิญกับภาวะอ่อนเเอของอุปสงค์ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศต่อไป การส่งออกที่ปรับลดลงมาก ทำให้ผู้ประกอบการลดการจ้างงานลง เเม้ว่าอัตราการว่างงานในเดือน ธันวาคม จะไม่เปลี่ยนเเปลงอยู่ที่ 3.3% เเต่การจ้างงานเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี กล่าวคือลดลงไป 12,000 ตำเเหน่ง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้จากยอดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าเเละ Discount Store เดือนธันวาคม ลดลงถึง 4.5%YoYเเละ 5.8%YoY ตามลำดับ
 รายงานยังระบุต่อว่า จากตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้มีโอกาสมากที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้(BoK)  จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งฝ่ายวิจัย KTAM คาดว่า BoK จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นี้ จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่อยู่ที่ 2.5% ทั้งนี้ นายลี ซอง-เเต ผู้ว่าการ BoK ให้ได้คำมั่นก่อนหน้านี้ว่าจะดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจเเละปรับปรุงสถานการณ์ในตลาดเงินเเละพร้อมที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเงินสดจำนวนมากต่อไป เพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวในประเทศ เช่นผ่อนคลายกฏเกี่ยวกับการให้เงินกู้เเก่สถาบันการเงินภายในประเทศ ให้สามารถใช้สินทรัพย์ด้านสินเชื่อที่มีคุณภาพสูง นอกเหนือจากพันธบัตรรัฐบาล เช่น ตราสารเพื่อการพาณิชย์ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ นี้ เเละยังได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินรวม 3 พันล้านดอลลาร์ผ่านทางการปล่อลเงินกู้สกุลดอกลลาร์ระยะ 84 วันให้เเก่ธนาคารภายในประเทศ โดยนำวงเงินสินเชื่อของ BoK  ที่ทำไว้กับ FED เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งมีธนาคาร 9 เเห่งได้ยืนขอเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.1234% ทั้งนี้ BoKได้ปล่อยกู้เเก่ธนาคารพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 1.035 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประมูล 3 ครั้ง จากวงเงินสว็อปสกุลเงิน 3 หมื่นดอลลาร์ทีทำใว้กับ FED
กำลังโหลดความคิดเห็น