บลจ.อเบอร์ดีน เผย ตลาดหุ้นไทยหลังไตรมาสแรกได้มีแรงซื้อจากต่างชาติ หนุนบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ขณะที่ตัวเลขจีดีพีติดลบ 7% ไม่แปลกใจ เพราะส่งออกทรุดหนัก ส่วนกองทุนหุ้นของบริษัทไม่กระทบจากวิกฤต เหตุลงทุนในหุ้นที่กระทบจากส่งออก "ผู้บริหาร" มองแนวโน้ม หุ้นไทยขึ้นอยู่กับบรรยากาศการลงทุนเป็นหลัก
นายออเสน การบริสุทธิ์ ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไตรมาสแรกที่ติดลบถึง 7% ว่า เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปตามาภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระะทบ จากเรื่องของการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างไร เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบที่น้อยมาก เพราะหุ้นที่บริษัทเลือกลงทุนอยู่นั้นไม่ได้รับกระทบที่มากจากภาคส่วนของการส่งออกแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าขึ้นไปในระดับที่เหมาะสม ซึ่งได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ
ทั้งนี้ มองว่า ในระยะต่อจากนี้กลุ่มบริษัทต่างๆ ยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทมากนัก เนื่องจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังไม่มีความแน่นอนในการฟื้นตัวอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็น แต่ในส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ขณะนี้มีการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นการเข้ามาลงทุนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในเรื่องของวิกฤตนั้นขณะนี้ไม่ได้แย่กว่าที่คิดไว้แล้ว
สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นในประเทศไทยนั้น นายออเสน กล่าวว่า ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ดังนั้นสถานการณ์ของการลงทุนในหุ้นจึงขึ้นอยู่กับบรรยากาศของการลงทุนเป็นหลักว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเข้ามากระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น
โดยผลการดำเนินงานของกองทุนนั้น หลังจากผ่านไตรมาสแรกมากกองทุนมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 27.24% เทียบเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 36.29 % เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -26.51% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 9.82 เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -18.18%
ส่วนกองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.58% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78 % ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 38.47% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -27.94% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 28.73% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -21.55%
ขณะที่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท มีการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 22.86% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 35.34% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -26.75 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 203.71% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.74%
ด้านกองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 11.29% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -19.17% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -20.83% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -10.90% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.91%
นายออเสน การบริสุทธิ์ ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไตรมาสแรกที่ติดลบถึง 7% ว่า เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปตามาภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระะทบ จากเรื่องของการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างไร เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบที่น้อยมาก เพราะหุ้นที่บริษัทเลือกลงทุนอยู่นั้นไม่ได้รับกระทบที่มากจากภาคส่วนของการส่งออกแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าขึ้นไปในระดับที่เหมาะสม ซึ่งได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ
ทั้งนี้ มองว่า ในระยะต่อจากนี้กลุ่มบริษัทต่างๆ ยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทมากนัก เนื่องจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังไม่มีความแน่นอนในการฟื้นตัวอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็น แต่ในส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ขณะนี้มีการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นการเข้ามาลงทุนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในเรื่องของวิกฤตนั้นขณะนี้ไม่ได้แย่กว่าที่คิดไว้แล้ว
สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นในประเทศไทยนั้น นายออเสน กล่าวว่า ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ดังนั้นสถานการณ์ของการลงทุนในหุ้นจึงขึ้นอยู่กับบรรยากาศของการลงทุนเป็นหลักว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเข้ามากระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น
โดยผลการดำเนินงานของกองทุนนั้น หลังจากผ่านไตรมาสแรกมากกองทุนมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 27.24% เทียบเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 36.29 % เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -26.51% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 9.82 เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -18.18%
ส่วนกองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.58% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78 % ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 38.47% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -27.94% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 28.73% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -21.55%
ขณะที่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท มีการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 22.86% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 35.34% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -26.75 % เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 203.71% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.74%
ด้านกองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น มีการดำเนินงานย้อนนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 11.29% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 26.78% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -19.17% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 40.49% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -20.83% เทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -35.75% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -10.90% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.91%