xs
xsm
sm
md
lg

กองหุ้นนิ่งเอ็นเอวีไม่หาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการกองทุนยืนยันลูกค้าไม่ตื่นตูมแห่ถอนเงินกองหุ้นขายหน่วยลงทุนทิ้ง ชี้ส่วนใหญ่เข้าใจธรรมชาติว่าเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น คาดการณ์อนาคตสถานการณ์จะเป็นบวก แนะนักลงทุนจับจังหวะเก็บหุ้นพื้นฐานดีรับกำไรงาม ส่วนต่างชาติทยอยถือผ่านกองทุนหุ้นต่อเนื่อง

นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยทางการเมืองขณะนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนรวมถึงความเชื่อมั่นลดน้อยลง โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารทุน เพราะมีความผันผวนมาก

สำหรับกองทุนหุ้นของบริษัทนั้น ผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนมีการถอนหน่วยลงทุนออกไปบ้าง แต่ไม่ใช่ปริมาณที่มากนัก สังเกตุได้จากปริมาณเงินที่เข้าและออกของกองทุน โดยคาดว่าสาเหตุที่นักลงทุนไม่ถอนหน่วยลงทุนออกไป น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนเข้าใจหลักการการลงทุนในกองทุนหุ้น ที่เป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คงระดับการลงทุนไว้ เพราะยังเห็นภาพการลงทุนไม่ชัดเจนเท่าที่ควร อีกทั้งยังไม่สามารถประเมินภาวะเศรษฐกิจในอนาคตได้

"ปัจจัยด้านการเมืองที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 650 จุด ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าไปเก็บหุ้นพื้นฐานดีมีอนาคตเข้ามาไว้ในพอร์ตการลงทุน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนของนักลงทุน เพราะนักลงทุนแต่ละคนนั้นมีความสนใจและความชอบในการลงทุนต่างกัน ซึ่งหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากและกล้าที่จะลงทุนก็จะมีโอกาสรับกำไรจากการลงทุนมากตามไปด้วย"นายกรวุฒิ

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่าการเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนในกองทุนหุ้นยังคงเป็นปกติ และมีนักลงทุนบางส่วนที่เข้ามาลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนส่วนใหญ่เข้าใจธรรมชาติของการลงทุนระยะยาว

นอกจากนี้ สัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติของกองทุนหุ้นของบริษัทนั้นมีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่จะนิยมลงทุนในกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) เป็นหลัก ขณะที่การลงทุนในกองทุนอื่นๆนั้น การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติไม่ได้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านนายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในส่วนของ บลจ.แมนูไลฟ์นั้น นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังไม่มีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนหุ้นแต่อย่างใด แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติทางการเมืองขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกันกองทุนหุ้นของบลจ.แมนูไลฟ์ เป็นกองที่ลงทุนในระยะยาวดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงยังไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนแน่นอน

"เราเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นของประเทศไทยในระยะยาวน่าจะกลับมาดีขึ้น โดยปัจจุบันตลาดนักลงทุนได้รับรู้ข่าวร้ายดังกล่าวแล้วและทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงไว้มากพอสมควร อย่างไรก็ตามบริษัทจะติดตามและประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นนั้น แนะนำว่าควรติดตามสถานการณ์ก่อนตัดสินในลงทุนทุกครั้ง แต่หากเป็นการลงทุนในระยะยาว 3 - 5 ปีก็สามารถทยอยเข้าซื้อได้อย่างต่อเนื่อง"

นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า สถานการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 650 จุด เนื่องมาจากปัจจัยทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำให้นักลงทุนทยอยไถ่ถอนหน่วยลงทุน เพราะช่วงที่ผ่านมานักลงทุนได้ทยอยไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกไปตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมีปัจจัยทางการเมืองแล้ว โดยปัจจุบันสำหรับนักลงทุนที่ยังคงลงทุนในกองทุนหุ้นส่วนใหญ่ คือ นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

"การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงในการลงทุนทั้งนั้น เมื่อถามว่าหุ้นตกลงมาอยู่ที่ 650 จุดเป็นช่วงที่นักลงทุนควรที่จะเข้าไปถือหน่วยลงทุนเพิ่มหรือไม่นั้น เราตอบไม่ได้ เพราะหากเมื่อนักลงทุนซื้อไปตอนนี้ อีกสักระยะหุ้นอาจมีการปรับตัวลดลงหรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนอาจจะคิดว่าทำไม่ถึงรีบซื้อ จึงพูดได้เพียงว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่าจะยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน"นายนทีกล่าว

ส่วนนักลงทุนต่างชาติ นายนทีกล่าวว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการเทขายหุ้นออกไปจำนวนมาก แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณของการกลับเข้ามาลงทุน เนื่องมาจากปัจจัยกดดันเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในขณะนี้

ก่อนหน้านี้นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวม แต่เหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวถึงผลกระทบ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ นักลงทุนมักจะหยุดลงทุนและหันมาหาทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า และที่ผ่านมาพบว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบจะมีเม็ดเงินบางส่วนที่ไหลเข้ามาลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมมากขึ้น

"ที่ผ่านมาผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นชาวต่างชาติไม่ได้มีการถอนหน่วยลงทุนออกไป แถมยังมีการเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีที่กองทุนหุ้นของบลจ.ทหารไทยมีมูลค่าการซื้อสุทธิกว่า 1 พันล้านบาทแล้ว ซึ่งเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้มีเงินไหลเข้ามามากกว่าเงินไหลออก เพราะลูกค้ารู้ว่าเรามีการจัดพอร์ตการลงทุนให้" นางโชติกา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น