ผู้บริหารบลจ.มั่นใจ นักลงทุนเข้าใจการลงทุนหุ้นมากขึ้น ระบุวิกฤตการเงินสหรัฐจนฉุดหุ้นไทยวูบ ไม่พบผู้ถือหน่วยกองทุนหุ้นโยกเงินไปลงทุนตราสารหนี้ ในทางตรงข้าม มีบางส่วนเห็นโอกาส ใส่เงินลงทุนเพิ่ม ด้านไอเอ็นจียอมรับ ส่งผลเล็กน้อย หลังพบลูกค้าสับเปลี่ยนกองทุน 15-20% ระบุหากถ้าสถานการณ์ดีเมื่อไร นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งเเน่นอน
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนักลงทุนเองยังไม่การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนหุ้นไปลงทุนกองทุนอื่นแต่อย่างใด ซึ่งจากกรณีการล้มละลายของ เลห์แมน บราเธอร์ส นั้น ทางบลจ.เราไม่มีกองทุนรวมต่างประเทศเข้าไปลงทุนทั้งเลห์แมน บราเธอร์ส และเอไอจี
นายยืนยง เทพจำนงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนหุ้นภายใน บลจ.ยังไม่มีการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปกองทุนตราสารหนี้ สิ่งที่สังเกตและน่าแปลกใจคือ มีเม็ดเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยเข้ามาลงทุนในกองหุ้นแม้จำนวนไม่มาก แต่ผู้ถือหน่วยทยอยเข้ามาลงทุนตลอดเวลา ทั้งนี้น่าจะมาจากผู้ลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนตราสารทุนมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน
ขณะที่นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บลจ. บีที จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากการลงทุนในกองทุนตราสารทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งนักลงทุนที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์แล้วสับเปลี่ยนการลงทุนนั้นมีจำนวนน้อย จึงทำให้ไม่กระทบต่อกองทุนหุ้นที่บริษัทบริหารจัดการอยู่ ทั้งนี้เพราะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการกองทุนของบริษัท
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ. พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า จากกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลง โดยภาพรวมแล้วไม่ได้ทำให้นักลงทุนและกองทุนของบริษัทได้รับผลกระทบจากการสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุนตราสารทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ ขณะเดียวกันได้มีนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)มากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ( RMF)ไปลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ยังมีอยู่ตามเดิม เเต่จำนวนการสับเปลี่ยนไม่ได้มีจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไถ่ถอนหน่วยลงทุนมากกว่าการสับเปลี่ยนการลงทุน เชื่อว่าหลังจากไถ่อถอนหน่วยลงทุนไปเเล้ว นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวจะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนของบริษัทอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนของบริษัทนักลงทุนยังไม่ได้มีการสับเปลี่ยนการลงทุนหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุนแต่อย่างใด
ทางด้านนายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศ) ไทย จำกัด กล่าวถึงการลงทุนในตราสารทุนช่วงที่ผ่านมาว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีปัจจัยเรื่องการเมือง เเละเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัญหาของสหรัฐอเมริการนั้นได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น
"ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบกับเราอยู่บ้าง เเต่ไม่มาก ซึ่งผู้ลงทุนในกองทุนตราสารทุนบางส่วนประมาณ 15-20% สลับเปลี่ยนหน่วยลงทุนหันไปลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ตเเทน เราเชื่อว่าเมื่อความผันผวนของหุ้นคลี่คลายนักลงทุน15-20%นี้ จะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้นเช่นเดิม ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักลงทุนกำลังรอดูสถานการณ์เเละจังหวะการลงทุนอยู่" นายจุมพล กล่าว
ทั้งนี้นายจุมพล กล่าวอีกว่า ช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งถ้าเราดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้ดัชนีอาจจะดูผันผวนอยู่บ้างแต่ถ้าถือต่อไปจนครบ 5 ปีปฏิทินผลตอบแทนน่าจะดีกว่าในปัจจุบัน
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนักลงทุนเองยังไม่การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนหุ้นไปลงทุนกองทุนอื่นแต่อย่างใด ซึ่งจากกรณีการล้มละลายของ เลห์แมน บราเธอร์ส นั้น ทางบลจ.เราไม่มีกองทุนรวมต่างประเทศเข้าไปลงทุนทั้งเลห์แมน บราเธอร์ส และเอไอจี
นายยืนยง เทพจำนงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนหุ้นภายใน บลจ.ยังไม่มีการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปกองทุนตราสารหนี้ สิ่งที่สังเกตและน่าแปลกใจคือ มีเม็ดเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยเข้ามาลงทุนในกองหุ้นแม้จำนวนไม่มาก แต่ผู้ถือหน่วยทยอยเข้ามาลงทุนตลอดเวลา ทั้งนี้น่าจะมาจากผู้ลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนตราสารทุนมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน
ขณะที่นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บลจ. บีที จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากการลงทุนในกองทุนตราสารทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งนักลงทุนที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์แล้วสับเปลี่ยนการลงทุนนั้นมีจำนวนน้อย จึงทำให้ไม่กระทบต่อกองทุนหุ้นที่บริษัทบริหารจัดการอยู่ ทั้งนี้เพราะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการกองทุนของบริษัท
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ. พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า จากกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลง โดยภาพรวมแล้วไม่ได้ทำให้นักลงทุนและกองทุนของบริษัทได้รับผลกระทบจากการสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุนตราสารทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ ขณะเดียวกันได้มีนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)มากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ( RMF)ไปลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ยังมีอยู่ตามเดิม เเต่จำนวนการสับเปลี่ยนไม่ได้มีจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไถ่ถอนหน่วยลงทุนมากกว่าการสับเปลี่ยนการลงทุน เชื่อว่าหลังจากไถ่อถอนหน่วยลงทุนไปเเล้ว นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวจะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนของบริษัทอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนของบริษัทนักลงทุนยังไม่ได้มีการสับเปลี่ยนการลงทุนหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุนแต่อย่างใด
ทางด้านนายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศ) ไทย จำกัด กล่าวถึงการลงทุนในตราสารทุนช่วงที่ผ่านมาว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีปัจจัยเรื่องการเมือง เเละเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัญหาของสหรัฐอเมริการนั้นได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น
"ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบกับเราอยู่บ้าง เเต่ไม่มาก ซึ่งผู้ลงทุนในกองทุนตราสารทุนบางส่วนประมาณ 15-20% สลับเปลี่ยนหน่วยลงทุนหันไปลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ตเเทน เราเชื่อว่าเมื่อความผันผวนของหุ้นคลี่คลายนักลงทุน15-20%นี้ จะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้นเช่นเดิม ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักลงทุนกำลังรอดูสถานการณ์เเละจังหวะการลงทุนอยู่" นายจุมพล กล่าว
ทั้งนี้นายจุมพล กล่าวอีกว่า ช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งถ้าเราดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้ดัชนีอาจจะดูผันผวนอยู่บ้างแต่ถ้าถือต่อไปจนครบ 5 ปีปฏิทินผลตอบแทนน่าจะดีกว่าในปัจจุบัน