บลจ.พรีมาเวสท์ โชว์ฝีมือบริหารกองทุนแอลทีเอฟ ผลงานเหนือกลุ่มกองทุนหุ้น "กรุงศรีพรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30" ผลตอบเเทนโดดเด่น เฉือนชนะตลาดถึง 5.22% โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ -12.41% "เพิ่มพล" เผยผลตอบเเทนของกองทุนขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุน ซึ่งเน้นลงทุนทั้งตราสารทุนเเละตราสารหนี้ ทำให้ผลตอบเเทนไม่ผันผวนตามตลาด ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าตลาดหุ้นยังผันผวนต่อจากปัญหาซับไพร์ม เงินเฟ้อเเละการเมือง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยผลตอบเเทนกองทุนในรอบ 3 เดือนเเละ 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 พบว่า กองทุนกรุงศรีพรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30( KP-LTF70/30) นั้นเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบเเทนดีที่สุดภายในบริษัทโดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.41% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ถึง 5.22% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน SET Index อยู่ที่ -17.63% ส่วนผลตอบเเทนในรอบ 6 เดือนนั้นอยู่ที่ -5.96% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3.81% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET Index 6 เดือน อยู่ที่ -9.77%
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวถึงกองทุน KP-LTF70/30 ว่า นโยบายของกองทุนดังกล่าวนั้นเน้นลงทุนตราสารทุน 70% เเละที่เหลืออีก 30% กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ผลตอบเเทนของกองทุนไม่ผันผวนตามสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯมากเกินไป ซึ่งกองทุนทุกกองทุนภายในบลจ.นั้นจะลงทุนตามนโยบายของกองทุน เช่นบางกองเน้นลงทุนหุ้นกลุ่มการเงิน เช่นธนาคารหรือประกันภัย ถ้าเกิดปัญหากับการเงิน หุ้นกลุ่มดังกล่าวก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน สำหรับการคัดเลืกหุ้นของบลจ.นั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับนโยบายของเเต่ละกองทุนเเล้วทางบลจยังเลือกหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีอีกด้วย
"การลงทุนในหุ้นต้องเน้นลงทุนระยะยาว ซึ่งความผันผวนของตลาดหุ้นช่วงนี้มาจากปัจจัยหลักคือ ปัญหาซับไพร์ม ปัญหางานเฟ้อ เเละปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าปัญหาต่างๆคลี่คลายลงตลาดหุ้นบ้านเราก็จะคงกลับมาดีขึ้น"นายเพิ่มพลกล่าว
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบเเทนเป็นอันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -16.74% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 0.89% โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.75% ซึ่งสูงเกณฑ์มาตรฐานถึง 1.02% ขณะที่ กองทุนเปิดกรุงศรี พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ อยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -16.97% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 0.66% โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -9.10% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพียง 0.67%
รายงานข่าวระบุอีกว่า กองทุนที่ให้ผลตอบเเทนเป็นอันดับที่ 4 คือ กองทุนกรุงศรี-พรีมาเวสท์เเวลู ซึ่งให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -17.13% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพียง 0.5% เเละมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.49% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 2.28% เเละอันดับสุดท้ายคือ กองทุนพรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -18.24% ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 0.61% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.17% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 1.6%
ก่อนหน้านี้นาย เพิ่มพล กล่าวถึงแผนการออกกองทุนของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2551ว่า บริษัทจะเน้นออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเป็นกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้นอายุ 1 ปี ที่จะมีออกมาทุกเดือน รวมทั้งกองทุนตราสารหนี้อายุ 3 เดือนที่จะมีครบกำหนดอายุให้ลงทุนทุกเดือนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาออกกองทุนตราสารหนี้อายุยาว 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปีเพิ่มเติมด้วย เพื่อล็อกผลตอบแทนที่สูงเอาไว้ให้กับผู้ลงทุนพร้อมกับอาจมีการเพิ่มกองทุนตราสารทุนอีก 2 กองซึ่งเป็นกองทุนFIF โดยจะลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยผลตอบเเทนกองทุนในรอบ 3 เดือนเเละ 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 พบว่า กองทุนกรุงศรีพรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30( KP-LTF70/30) นั้นเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบเเทนดีที่สุดภายในบริษัทโดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.41% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ถึง 5.22% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน SET Index อยู่ที่ -17.63% ส่วนผลตอบเเทนในรอบ 6 เดือนนั้นอยู่ที่ -5.96% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3.81% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET Index 6 เดือน อยู่ที่ -9.77%
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวถึงกองทุน KP-LTF70/30 ว่า นโยบายของกองทุนดังกล่าวนั้นเน้นลงทุนตราสารทุน 70% เเละที่เหลืออีก 30% กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ผลตอบเเทนของกองทุนไม่ผันผวนตามสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯมากเกินไป ซึ่งกองทุนทุกกองทุนภายในบลจ.นั้นจะลงทุนตามนโยบายของกองทุน เช่นบางกองเน้นลงทุนหุ้นกลุ่มการเงิน เช่นธนาคารหรือประกันภัย ถ้าเกิดปัญหากับการเงิน หุ้นกลุ่มดังกล่าวก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน สำหรับการคัดเลืกหุ้นของบลจ.นั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับนโยบายของเเต่ละกองทุนเเล้วทางบลจยังเลือกหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีอีกด้วย
"การลงทุนในหุ้นต้องเน้นลงทุนระยะยาว ซึ่งความผันผวนของตลาดหุ้นช่วงนี้มาจากปัจจัยหลักคือ ปัญหาซับไพร์ม ปัญหางานเฟ้อ เเละปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าปัญหาต่างๆคลี่คลายลงตลาดหุ้นบ้านเราก็จะคงกลับมาดีขึ้น"นายเพิ่มพลกล่าว
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบเเทนเป็นอันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -16.74% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 0.89% โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.75% ซึ่งสูงเกณฑ์มาตรฐานถึง 1.02% ขณะที่ กองทุนเปิดกรุงศรี พรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ อยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -16.97% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 0.66% โดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -9.10% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพียง 0.67%
รายงานข่าวระบุอีกว่า กองทุนที่ให้ผลตอบเเทนเป็นอันดับที่ 4 คือ กองทุนกรุงศรี-พรีมาเวสท์เเวลู ซึ่งให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -17.13% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพียง 0.5% เเละมีผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -7.49% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 2.28% เเละอันดับสุดท้ายคือ กองทุนพรีมาเวสท์เอ็คควิตี้ปันผล มีผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -18.24% ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 0.61% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -8.17% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 1.6%
ก่อนหน้านี้นาย เพิ่มพล กล่าวถึงแผนการออกกองทุนของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2551ว่า บริษัทจะเน้นออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเป็นกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้นอายุ 1 ปี ที่จะมีออกมาทุกเดือน รวมทั้งกองทุนตราสารหนี้อายุ 3 เดือนที่จะมีครบกำหนดอายุให้ลงทุนทุกเดือนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาออกกองทุนตราสารหนี้อายุยาว 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปีเพิ่มเติมด้วย เพื่อล็อกผลตอบแทนที่สูงเอาไว้ให้กับผู้ลงทุนพร้อมกับอาจมีการเพิ่มกองทุนตราสารทุนอีก 2 กองซึ่งเป็นกองทุนFIF โดยจะลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย
