บลจ.อเบอร์ดีน ชิงจังหวะช่วงการลงทุนในตลาดหุ้นผันผวน ชูสไตล์บริหารพอร์ตแบบซื้อแล้วถือยาว สร้างผลตอบแทนดีในบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง พร้อมจับมือพันธมิตร เดินสายสร้างความเข้าใจให้นักลงทุน โดยเฉพาะการยอมรับความผันผวน ระบุปัญหาการเมืองไม่น่าห่วง ชี้ปัจจจัยราคาน้ำมัน-เงินเฟ้อ สำคัญกว่า เผยสนใจตั้งแมชชิ่งฟันด์ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูกองทุนในพอร์ตเข้าทาง
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ 4 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงค์ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซิตี้แบงก์ ในโครงการการลงทุนที่ชาญฉลาด ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งสัมมนาให้ความรู้กับผู้ลงทุนด้วย
ทั้งนี้ อเบอร์ดีนจะเน้นให้เห็นถึงการลงทุนของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการซื้อสินทรัพย์มาและถือครองไว้ในระยะยาว โดยจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความมั่นคง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดหมุนเวียนและมีความสามารถทางการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ต้องดูผู้บริหารของบริษัทนั้นด้วยว่ามีการบริงานในอดีตที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะตลาดและเศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้
นอกเหนือจากนั้น การลงทุนของอเบอร์ดีนจะเน้นลงทุนในบริษัทที่เราเข้าใจ อะไรที่เข้าใจยากเราก็จะไม่ลงทุน สังเกตได้จากหุ้นที่เราถืออยู่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เข้าใจง่ายทั้งนั้น
“เราทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายเสมอที่อเบอร์ดีน เราลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีด้วยราคาที่สมเหตุสมผล และเรามุ่งหวังจะได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งการลงทุนกับกองทุนหุ้นของอเบอร์ดีนให้ผลตอบแทนที่ดีมากในช่วงเวลาหนึ่งปี เช่นเดียวกับช่วงเวลา 3-5 และการลงทุนในช่วงหนึ่งปีที่เศรษฐกิจมีความซบเซาซึ่งส่งผลต่อกำไรที่น้อยลง กองทุนของอเบอร์ดีนก็ยังให้ผลตอบแทนดีกว่า และความเสี่ยงต่ำกว่าด้วย” นายโรเบิร์ตกล่าว
นายโรเบิร์ตกล่าวว่า พอร์ตการลงทุนของอเบอร์ดีนจะถือเงินสดในสัดส่วนที่น้อยมาก หรือเรียกว่าไม่ใช้เงินสดเป็นกลยุทธ์ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง จะเป็นจังหวะที่เราเข้าไปลงทุนเพิ่มในบริษัทที่เราเห็นว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคตและเราเข้าใจเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ก็มีส่วนหนึ่งที่ต้องสำรองไว้ในกรณีที่ผู้ถือหน่วยไถ่ถอนออกไปด้วย
ทั้งนี้ เราต้องการสื่อให้นักลงทุนเข้าใจด้วยว่า การลงทุนมีความผันผวน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องยอมรับ เพราะราคาหุ้นที่ปรับขึ้นลงไม่ได้สะท้อนราคาพื้นฐานของหุ้นเสมอไป เนื่องจากมีปัจจัยด้านอื่นๆ เข้ามากระทบด้วย โดยเฉพาะอารมณ์และความรู้สึกของตลาดในขณะนั้นด้วย
สำหรับโครงการการลงทุนที่ชาญฉลาด ของอเบอร์ดีนในครั้งนี้ บริษัทมุ่งหวังที่จะให้คำแนะนำ และให้ความรู้แก่นักลงทุนที่เตรียมตัวเพื่อการลงทุนในระยะยาว ที่ใช้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบริหารเงิน โดยโครงการดังกล่าวจะมีการจัดสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้กับนักลงทุนในช่วงเดือนกันยายนนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นการสำรวจความต้องการลงทุนของลูกค้าด้วย เพื่อหาโพรดักส์ตอบสนองความต้องการดังกล่าว
“กลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้ คือนักลงทุนทั่วไปที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวม และเห็นด้วยกับสไตล์การลงทุนของเรา เพราะเราต้องการให้ความรู้ความเข้าใจกับนักลงทุนมากกว่าการขายโพรดักส์ โดยเฉพาะการลงทุนระยะยาว และการเข้าใจความผันผวนของตลาด”นายโรเบิร์ตกล่าว
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีนกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถือว่าน่าสนใจ และราคาถือว่าค่อนข้างถูกหากเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งการที่ราคาหุ้นของไทยถูกนั้น ก็เป็นการถูกโดยมีเหตุผล เนื่องจากมีปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นปัจจัยกดดันด้วย โดยตั้งแต่ต้นที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับลดลงไปแล้วกว่า 20% ซึ่งถือว่าภาวะตลาดเช่นนี้ เป็นตลาด Bear จึงเป็นจังหวะที่เราเข้าไปลงทุนเพิ่ม
ทั้งนี้ ในเรื่องของการเมืองเอง บลจ.อเบอร์ดีนไม่ค่อยเป็นห่วงมากนัก เพราะการลงทุนของอเบอร์ดีนเน้นดูหุ้นรายตัวมากกว่า ขณะเดียวกัน ปัญหาการเมืองในประเทศถือเป็นปัญหาสำหรับประเทศเกิดใหม่ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมายาวนาน เชื่อว่านักลงทุนเริ่มเคยชินมากขึ้น หลายธุรกิจเองก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยการเมือง เพราะปัจจัยที่จะเข้ามากระทบ เป็นเรื่องของราคาน้ำมันและเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า
“เรื่องการเมืองก็เป็นประเด็น แต่ไม่ใช่ประเด็นใหม่ เพราะปัจจัยสำคัญอยู่ที่เงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า เพราะส่งผลต่อการใช่จ่ายของคน เพราะคงไม่มีใครคิดว่าจะมีการประท้วงแล้วจะหยุดการใช้จ่าย”นายอดิเทพกล่าว
สำหรับการตั้งกองทุนแมชชิ่งฟันด์ของตลาดหลักทรัพย์ บลจ.อเบอร์ดีนเองก็สนใจและถือว่าเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะกองทุนในส่วนที่ระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อย ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก เพราะปัจจุบัน บลจ.อเบอร์ดีนมีกองทุนที่มีนโยบายที่ใก้ลเคียงอยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถใช้กองทุนเดิมที่มีอยู่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่