xs
xsm
sm
md
lg

อเบอร์ดีนโชว์ผลงานกองทุนหุ้น ผลตอบแทนชนะดัชนี6 กองรวด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อเบอร์ดีน โชว์ผลงานกองทุนหุ้น เผยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน ชนะเกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์ 6 กองรวด โดยกองทุน"อเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น" ให้ผลตอบเเทน 3 เดือนชนะเกณฑ์มาตฐาน SET INDEX ถึง -9.64% ส่วนกองทุน"อเบอร์ดีน สมอลเเค๊พ" อยู่อันดับที่2 โชว์ผลงานชณะเกณฑ์มาตราฐานถึง -5.39% ด้าน "รัตนาวรรณ" เผยกลยุธ์ เลือกหุ้นที่พื้นฐานการดำเนินงานของบริษัท เเละหุ้นที่ทนทานต่อความผันผวน

รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงผลตอบเเทนการลงทุนของกองทุนตราสารทุนในรอบ 3 เดือนและ 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2551 ว่า กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น นั้นเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดภายในบริษัทโดยผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -8.96% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานดัชนีตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยถึง -9.64% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -18.60% ขณะที่ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -9.88% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -11.88% โดยเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -21.76%

นางสาวรัตนาวรรณ แสงกิติโกมล ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวถึงการบริหารกองทุนหุ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนว่า เราเน้นลงทุนระยะยาว ซื้อเเล้วถือในระยะยาว ซึ่งการถือในระยะยาวนั้นจะต้องมองผ่านความผันผวนในช่วงระยะเวลาสั้นที่เกิดขึ้น โดยเราจะเลือกโฟกัสบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขอให้ผลการดำเนินงานของบริษัทไม่เปลี่ยนเเปลง เมื่อเราเลือกหุ้นที่ตัวคุณภาพของบริษัทก็ต้องกลัวความผันผวนตามภาวะตลาด

สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในภาวะตลาดเช่นนี้ เราต้องมองดูว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน ซึ่งปัจจัยเเรกที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนคือ ปัจจัยเรื่องของการเมือง เราก็ต้องมาดูต่อว่าหุ้นกลุ่มไหนที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองบ้าง เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคที่รัฐบาลสามารถควบคุมหรือกำหนดราคาได้เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่ 2ที่ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนคือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทางเรามองว่าต่อจากนี้ทางธนาคารเเห่งประเทศไทยจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบายอีก เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เมื่อความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อลดลง ดอกเบี้ยก็จะไม่ปรับเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าวน้อยที่สุดคือ กลุ่มการสื่อสาร หุ้นกลุ่มพาณิชย์ เเละหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล

ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบเเทนเป็นอันดับที่ 2 ของบลจ.คือ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลเเค๊พ ที่ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -13.21% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -5.39% ด้านผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนนั้นอยู่ที่ -14.90% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -6.86% ขณะที่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมาร์ทเเคปปตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ อยู่ในอันดับที่ 3 ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -13.57% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -5.03% ส่วนผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -14.12% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -7.64%

ขณะที่ อันดับที่ 4 ได้เเก่กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -13.60% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -4.99% ด้านผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -13.99% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -7.77% อันดับที่ 5 คือ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส ที่ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 อยู่ที่-14.51% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -4.09% ส่วนผลอตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -15.47% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง -6.29% เเละอันดับสุดท้ายคือกองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบเเทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -14.65% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ -3.95% ขณะที่ผลตอบเเทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 15.79% สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐานถึง -5.97%

สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ทีให้ผลตอบเเทนเป็นที่ 1 ของบลจ.นั้นมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีเเนวโน้มในการเติบโตทางธุรกิจสูงหรือมีปัจจัยพื้นดี โดยจะลงทุนในตราสารเเห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน หากบริษัทจัดการไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนของการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการ บริษัทจัดการจะจัดทำรายงานการลงทุนในหรือไม่ไว้เพื่อซึ่งตราสารเเห่งทุนเฉลี่ยในรอบระยะเวลาสามเดือน หกเดือน เก้าเดือน เเละสิบสองเดือนของรอบบัญชี พร้อมทั้งเเสดงเหตุผลเเละส่งให้สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ภายในสิบห้าวันนับตั้งเเต่วันสิ้นรอบระยะเวลาดังกล่าว เพื่อให้สำหนักงานเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ลงทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เฟล็กซิเบิ้ล อินคัม ได้แก้ไขเพิ่มเติมโครงการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2550 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนเปิด อเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น และเปลี่ยนนโยบายการลงทุน จากกองทุนรวมผสมที่มุ่งเน้นการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้เป็นหลัก เป็น กองทุนรวมตราสารแห่งทุน โดยลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น