ASTVผู้จัดการายวัน-บลจ.กรุงไทย เผยเเผนการตลาดไตรมาส 2 ชูกองทุนรวมตลาดเงินทั้งกองใหม่เเละกองเก่า พร้อมทั้งส่งกองทุนรวมตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ดันยอด AUM ล่าสุดเตรียมอัดโปรโมชั่นกองทุน RMFเเละLTF ดึงนักลงทุนทยอยลงทุน
นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเเผนการตลาดในช่วงไตรมาสที่ 2 ว่า บลจ.กรุงไทยยังคงให้น้ำหนักไปที่กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศเเละกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เก็ตเป็นหลัก เพราะเรามองว่าดอกเบี้ยยังมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีก ซึ่งการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตจะให้ผลตอบเเทนที่ดีได้ในช่วงนี้ ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศเช่น เกาหลีใต้ นั้นยังสามารถให้ผลตอบเเทนที่ดีกับนักลงทุนอยู่ทำให้เรายังคงให้น้ำหนักในกองทุนดังกล่าว นอกจากนี้ทางฝ่ายการลงทุนของบลจ.มีการศึกษาข้อมูลการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศนอกจากประเทศเกาหลีใต้เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุนอีกด้วย
ขณะเดียวกันในเเดือนพฤษาคมนี้่กองทุนมันนี่มาร์เก็ตกองใหม่ของบลจ.น่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนได้เเเน่นอน ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำโปรโมชั่นกองทุนอยู่ สำหรับกองทุนตราสารทุนนั้นเราคงให้น้ำหนักไปที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เเละกองทุนรวมหุ้นระยะยาว( LTF) ซึ่งอีกไม่นานทางเราจะออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาทยอยลงทุนเเบบ Dollar Cost Average ซึ่งจะ ทำให้ผู้ลงทุนนั้นสามารถเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนได้อีกด้วย
ทั้งนี้เเผนการตลาดในไตรมาส 1ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จมากจากการทำตลาดกองทุนตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ทุกอาทิตย์ พร้อมทั้งเปิดขายหน่วยลงทุนที่ครบอายุอีกครั้งหรือโรโอเวอร์ ขณะที่กองทุนอื่นมรบลจ.ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน ส่วนการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งกองทุนใหม่เเละกองทุนเก่าก็ได้รับการผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนนั้น ซึ่งล่าสุดกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้ที่ปิดขายหน่วยลงทุนเมื่อปลายเดือนเมษายยนั้นสามารถขายระดมทุนได้ถึง 3,000 พันล้านบาทอีกด้วย
สำหรับฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทยมองสถานการณ์เศรษฐกิจเเละการลงุทนประเทศเกาหลีใต้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้บ่งชี้ว่าในไตรมาส 1เศรษฐกิจเกาหลีใต้เริ่มทรงตัว โดยตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1ขยายตัว0.1%QoQ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาซึ่งหดตัว 5.1%QoQ เป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากเป็นประวัติการณ์ เเละมาตรการของรัฐบาลในการใช้จ่ายด้านสาธาณูปโภคเเละการลดภาษีมูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างมากับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลขยายตัวในอัตราที่สูงในรอบ 16 ปีเเละปริมาณการบริโภคส่วนบุคคลฟื้นตัวขึ้นชดเชยการลดลงของยอดส่งออก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับปีก่อน เศรษฐกิจเกาหลีใต้หดตั ว4.3%YoY ลดลงจากในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมหดตัว 3.4%YoY เเละถือเป็นการหดตัวเมื่อเทียบเป็นรายปีต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 จากการผลิตเเละการส่งออกปรับตัวลดลง ทั้งนี้รัฐบาลเเละธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในปี 52 จะหดตัวลงเป็นครั้งเเรกนับตั้งเเต่ปี 41 เเละจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในปี 2552 ขณะที่IMFให้ความเห็นว่า เกาหลีใต้สามารถที่จะใช้จ่ายงประมาณเพิ่มเติม รวมถึงลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อให้มั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยภายหลังการประกาศตัวเลข GDP บริษัทชั้นนำหลายเเห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น โดยโกลด์เเมนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ในปี 2552 อยู่ที่ -3.0%YoY เเละ +2.9% YoY ในปี 2553 จากเดิม- 4.5%YoY เเละ+2.8%YoY ตามลำดับอันเป็นผลจากเเผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเเละเเนวโน้มการฟิ้นตัวของการส่งออก บริษัทซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มคาดการณฺการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2552 อยู่ที่ -2.0%YoY จาก -4.8%YoY โดยระบุถึงสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเเตะจุดต่ำสุดเเล้ว เเละบริษัทเครดิตสวิส พิจารณาทบทวนคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2552 อยู่ที่ -2.7% YoY จากเดิมคาดการณ์ -4.1%YoY อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้เตือนว่าเศรษฐกิจเกาหลีใค้ซึ่งพึ่งพาการส่งออกยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการที่ตลาดสำคัญหลายเเห่งของเกาหลีใต้มีเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ที่ผ่านรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 50 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 3.701 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านทางงบใช้จ่ายเเละมาตรการปรับลดภาษีเเละรัฐบาลกำลังรอการอนุมัติจากสภาฯเกี่ยวกับเเผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 17.7ล้านล้านวอน หรือ 13.4 พันล้านดอนลาร์สหรัฐฯที่ได้ประกาศในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเเผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้รวมเป็นเงินสดเเละเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเเล้ว 3.25% นับตั้งเเต่เดือนตุลาคม อยู่ที่ 2.0% เเต่ได้ตรึงดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งล่าสุดเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเเละต้องการลดผลกระทบข้างเคียงของการลดดอกเบี้ยต่อค่าเงินวอนสำหรับการประชุมครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 12 พฤกษาภาคม 2552
