บลจ.กรุงไทย แนะลงทุนล็อกผลตอบแทน รับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นปรับลงทั่วโลก ล่าสุด ส่ง 2 กองทุนตราสารหนี้ "กรุงไทยตราสารต่างประเทศ เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1" เเละ "กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน" รรองรับ ชูผลอตอบเเทนเหนือดอกเบี้ยเงินฝากเเบงก์ เปิดขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 17 เมษายนนี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพคล่องในตลาดเงินระยะสั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยเกิดจากการไหลกลับของเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาซื้อกองทุนตลาดเงินระยะสั้น รวมถึงสภาพคล่องจากธนาคารพาณิชย์ที่มีปริมาณการขยายสินเชื่อลดลง ทำให้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น มีมากกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกจำหน่าย ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งล่าสุดได้ปรับลดดอกเบี้ยจาก 1.50% เป็น 1.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะไม่เกิน 1 ปี ปรับลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1%
ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากสภาพคล่องในระบบการเงินโลกเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตลดลงอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศจะแคบลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับลดลง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงนี้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้
นายสมชัยกล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงเปิดขายกองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกให้นักลงทุนต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 (KTFF6M1) ที่ให้ผลตอบเเทนอยู่ที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1) ที่ประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.10% ต่อปี
โดยกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เปิดขายหน่วยลงทุน ในวันที่ 10-21 เมษายน 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนใน Export –Import Bank of Korea, Korea Development Bank และ Industrial Bank of Korea โดยกองทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศที่ระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ เงินลงทุนในประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยสถาบันการเงินทั้ง3 แห่ง จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank ) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export- Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67% โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากเเละตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจราณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไป เเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหากดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนด
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 รอบใหม่ ( Roll over) ในวันที่ 9-17 เมษายน 2552 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน และเงินฝากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเน้นลงทุนใน พันธบัตรภาครัฐในประเทศ 15% เงินฝากธนาคารสินเอเชีย และธนาคารทิสโก้ สถาบันละ 20% หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 20% ตั๋วแลกเงินของบมจ.บัตรกรุงไทย 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทน ประมาณการที่ 1.10% ต่อปี โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารเเห่งหนี้ เเละหรือตราสารเเห่งหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพเเละมีความสามารถในการชำรดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูงเเละหรือเงินฝากหรือหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผล โดยวิธีอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เเละจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note)
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพคล่องในตลาดเงินระยะสั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยเกิดจากการไหลกลับของเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาซื้อกองทุนตลาดเงินระยะสั้น รวมถึงสภาพคล่องจากธนาคารพาณิชย์ที่มีปริมาณการขยายสินเชื่อลดลง ทำให้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น มีมากกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกจำหน่าย ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งล่าสุดได้ปรับลดดอกเบี้ยจาก 1.50% เป็น 1.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะไม่เกิน 1 ปี ปรับลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1%
ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากสภาพคล่องในระบบการเงินโลกเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตลดลงอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศจะแคบลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับลดลง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงนี้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้
นายสมชัยกล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงเปิดขายกองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกให้นักลงทุนต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 (KTFF6M1) ที่ให้ผลตอบเเทนอยู่ที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1) ที่ประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.10% ต่อปี
โดยกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ เอฟไอเอฟ 6 เดือน 1 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เปิดขายหน่วยลงทุน ในวันที่ 10-21 เมษายน 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนใน Export –Import Bank of Korea, Korea Development Bank และ Industrial Bank of Korea โดยกองทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3 .00 - 3.30% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศที่ระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ เงินลงทุนในประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยสถาบันการเงินทั้ง3 แห่ง จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank ) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export- Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67% โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากเเละตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจราณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารเเห่งหนี้ทั่วไป เเละหรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหากดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนด
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 รอบใหม่ ( Roll over) ในวันที่ 9-17 เมษายน 2552 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน และเงินฝากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเน้นลงทุนใน พันธบัตรภาครัฐในประเทศ 15% เงินฝากธนาคารสินเอเชีย และธนาคารทิสโก้ สถาบันละ 20% หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 20% ตั๋วแลกเงินของบมจ.บัตรกรุงไทย 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทน ประมาณการที่ 1.10% ต่อปี โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารเเห่งหนี้ เเละหรือตราสารเเห่งหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพเเละมีความสามารถในการชำรดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูงเเละหรือเงินฝากหรือหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผล โดยวิธีอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เเละจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note)