บลจ.ไอเอ็นจี เปิดตัว “ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” เน้นลงทุนตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ อายุ 12 เดือน ชูจุดเด่นเลือกสินทรัพย์คุณภาพดีที่ผ่านการจัดอันดับเครดิตในระดับ “A” พร้อมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100% ด้านผู้บริหารเชื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง ด้วยผลตอบแทนประมาณ 4.60% ต่อปี เปิดขาย 16-23 เมษายนนี้
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมที่จะเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” หรือ ING Thai ISF 12M1 Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ อายุประมาณ 12 เดือน
“เราเชื่อว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1 จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.50% เหลือ 1.25% ขณะที่ก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงแล้ว และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจ ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงได้อีก เพื่อประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่านี้” นายจุมพลกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะจัดสรรการลงทุนโดยเน้นการลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ เงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาลและที่มีรัฐบาลค้ำประกันสกุลเกาหลีใต้ โดยผู้ออกตราสารได้รับการจัดอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับความเชื่อถือ ทั้งสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) อยู่ในอันดับ “A” ซึ่งต้องยอมรับว่า ตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ยังเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจและยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 100% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4.60% ต่อปี
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อคผลตอบแทนที่แน่นอน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
สำหรับ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 16-23 เมษายน 2552 โดยกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมที่จะเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” หรือ ING Thai ISF 12M1 Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ อายุประมาณ 12 เดือน
“เราเชื่อว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1 จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.50% เหลือ 1.25% ขณะที่ก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงแล้ว และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจ ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงได้อีก เพื่อประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่านี้” นายจุมพลกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะจัดสรรการลงทุนโดยเน้นการลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ เงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาลและที่มีรัฐบาลค้ำประกันสกุลเกาหลีใต้ โดยผู้ออกตราสารได้รับการจัดอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับความเชื่อถือ ทั้งสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) อยู่ในอันดับ “A” ซึ่งต้องยอมรับว่า ตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ยังเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจและยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 100% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4.60% ต่อปี
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อคผลตอบแทนที่แน่นอน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
สำหรับ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1” จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 16-23 เมษายน 2552 โดยกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท