xs
xsm
sm
md
lg

KTAMต่อยอดกองทุนบอนด์เกาหลี รับดีมานด์ลูกค้าหาผลตอบแทนสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทย ส่งกองทุนบอนด์เกาหลีลุยตลาดต่อเนื่อง เน้นลงทุนตราสารประเภท ECP / MTN ชูผลตอบแทนยังไม่หักค่าใช้จ่าย 3.70-3.80% ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนตั่งแต่ 24 ก.พ.-3มี.ค. นี้ ด้านผู้บริหารเผย บอนด์ต่างประเทศ ยังน่าลงทุน เหตุผลตอบแทนที่จูงใจและเสี่ยงน้อยกว่าในประเทศ ที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง คาดวันนี้ (25ก.พ.) อาร์/พีขยับลงอีก 0.50%
นายสมชัย บุญนำศิริ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในแผนการเปิดจำหน่ายกองทุนของบริษัทในทุกๆสัปดาห์นั้น เราจะเปิดจำหน่ายกองทุน 2 ประเภท ซึ่งประกอบด้วย กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ และกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเลือกลงทุนตามความเหมาะสม แต่ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฎว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในประเทศ ในระดับความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกัน

โดยในสัปดาห์นี้ บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุน กองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน21 (KTFIF6M21) อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2552 ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงิน ตราสารแห่งหนี้หรือตราสารทางการเงินอื่นใด ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือบริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนออกไปลงทุนนั้น เป็นการลงทุนในตราสารการเงินประเภท ECP หรือตราสารหนี้ระยะกลางสกุลเงินต่างประเทศ (MTN) ที่ออกโดยสถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร 2 อันดับแรกขึ้นไปในประเทศเกาหลีใต้ โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ทั้งนี้ กองทุนคาดการณ์ ผลตอบแทนของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3.70-3.80% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน

นายสมชัย กล่าวต่อว่า อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นในประเทศอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 1.38 -1.45% จากการคาดการณ์ว่าที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกอย่างน้อย 0.50% จากปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 2.00% ต่อปี เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ทยอยประกาศออกมาได้ส่งสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจรุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นเพิ่มขึ้นทั้งจากกองทุนตลาดเงินระยะสั้น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และนักลงทุนสถาบันต่างๆ ที่ต้องการพักเงินหรือต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารการเงินประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ จากการปรับลดลงของผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในระยะสั้นจะมีความเสี่ยงจากการลงทุนใหม่ (Reinvestment Risk) เพิ่มขึ้น และส่งผลให้การลงทุนในตราสารภาคเอกชนหรือตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีความมั่นคง (Credit Rating 3 อันดับแรกขึ้นไป) มีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนและความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
กำลังโหลดความคิดเห็น