ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.กรุงไทยมองแนวโน้มตราสารหนี้ภาครัฐ ดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดตั๋วเงินคลัง อายุไม่เกิน 1 ปี เหลือ 1.60 – 1.75 % คาด กนง.ลดดอกเบี้ยอีก 0.25-0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป ล่าสุด ส่งกองทุนบอนด์เกาหลี เป็นทางเลือกผลตอบแทนสูง ลงทุน 1 ปี ให้ผลตอบแทน 3.80% เช่นเดียวกับ บลจ.กสิกรไทย ส่งกองบอนด์กิมจิ กองที่สองของปีรับดีมานด์ต่อ หลังกองแรกลูกค้าตอบรับกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนบลจ.นครหลวงไทย ร่วมแจม ลงทุนสั้น 6 เดือน เฮจด์ค่าเงินเต็มจำนวน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศว่า อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 1.60 – 1.75 % โดยเป็นผลจากการคาดการณ์ว่า คณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25-0.50% ในการประชุมวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่ตราสารระยะสั้นภาครัฐซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ยังมีปริมาณความต้องการอีกมาก
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ ส่งผลให้ตราสารต่างประเทศระยะสั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น ในแง่ของผลตอบแทน โดยเฉพาะตราสารหนี้ประเภท Euro Commercial Paper (ECP) และ Euro Medium Term Note (EMTN) ทั้งนี้ เมื่อมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผลตอบแทนจะสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ประมาณ 0.30 - 2.00%
โดยในสัปดาห์นี้ บริษัทจะเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน1 (KTGF12M1) และกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น5 (KTFIX6M5) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 โดยในส่วนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน1 มีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ ตราสารการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งกองทุนจะลงทุนใน Euro Commercial paper (ECP) /Euro Medium Term Note (EMTN) ประกอบไปด้วย Export –Import Bank of Korea และ Industrial Bank of Korea ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 35% ส่วนที่เหลือลงทุนใน Korea Development Bank ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.80% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า สถาบันการเงินทั้ง3 แห่งที่กองทุนลงทุน จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ ใช้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export-Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67% นอกจากนี้ เงินลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ จะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี (KKG1YAB) ในวันที่ 4 – 10 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลในประเทศและสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในระยะเวลาการลงทุนที่ใกล้เคียงกันโดยมีอัตราผลตอบแทนก่อนภาษีประมาณ ร้อยละ 1.57 และเฉลี่ยร้อยละ 1.75 ตามลำดับ หลังจากยอดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอ (KKG1YAA) ซึ่งได้เสนอขายช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี มีระยะเวลาการลงทุนเพียงประมาณ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่รัฐบาล องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นผู้ออก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งตราสารหนี้ภาครัฐที่กองทุนเน้นลงทุนนี้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2
“บลจ.กสิกรไทย มั่นใจว่า กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากบริษัทเลือกลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลเกาหลีใต้เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตราสารที่มีคุณภาพดี มีความมั่นคง เนื่องจากได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และหากมองในแง่ความโดดเด่นของเกาหลีใต้ ยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง และยังมีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก มากกว่าประเทศไทยซึ่งอยู่อันดับที่ 13 เกือบเท่าตัว ที่สำคัญคือกองทุนจะมีการลงทุนในอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนตลอดอายุการลงทุน”นายรพี กล่าวในที่สุด
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M1/09 (SCI INGI6M1/09) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (retail fund) ประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท (บริษัทอาจเสนอขายหน่วยลงทุนเกินเงินทุนของโครงการได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินทุนของโครงการ) อายุโครงการ ประมาณ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ ขององค์กรของรัฐประเทศเกาหลีใต้ และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ซึ่งได้เปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ – 10 กุมภาพันธ์ 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศว่า อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 1.60 – 1.75 % โดยเป็นผลจากการคาดการณ์ว่า คณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25-0.50% ในการประชุมวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่ตราสารระยะสั้นภาครัฐซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ยังมีปริมาณความต้องการอีกมาก
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ ส่งผลให้ตราสารต่างประเทศระยะสั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น ในแง่ของผลตอบแทน โดยเฉพาะตราสารหนี้ประเภท Euro Commercial Paper (ECP) และ Euro Medium Term Note (EMTN) ทั้งนี้ เมื่อมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผลตอบแทนจะสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ประมาณ 0.30 - 2.00%
โดยในสัปดาห์นี้ บริษัทจะเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน1 (KTGF12M1) และกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น5 (KTFIX6M5) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 โดยในส่วนของกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ 12 เดือน1 มีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ ตราสารการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งกองทุนจะลงทุนใน Euro Commercial paper (ECP) /Euro Medium Term Note (EMTN) ประกอบไปด้วย Export –Import Bank of Korea และ Industrial Bank of Korea ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 35% ส่วนที่เหลือลงทุนใน Korea Development Bank ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.80% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า สถาบันการเงินทั้ง3 แห่งที่กองทุนลงทุน จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เป็นกลไกที่สำคัญของรัฐบาลเกาหลีใต้ ใช้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ( Policy Bank) โดยปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้นใน Export-Import Bank of Korea และ Korea Development Bank ทั้ง 100% และถือหุ้นใน Industrial Bank of Korea ประมาณ 67% นอกจากนี้ เงินลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ จะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี (KKG1YAB) ในวันที่ 4 – 10 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลในประเทศและสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในระยะเวลาการลงทุนที่ใกล้เคียงกันโดยมีอัตราผลตอบแทนก่อนภาษีประมาณ ร้อยละ 1.57 และเฉลี่ยร้อยละ 1.75 ตามลำดับ หลังจากยอดขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอ (KKG1YAA) ซึ่งได้เสนอขายช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี มีระยะเวลาการลงทุนเพียงประมาณ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่รัฐบาล องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นผู้ออก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งตราสารหนี้ภาครัฐที่กองทุนเน้นลงทุนนี้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2
“บลจ.กสิกรไทย มั่นใจว่า กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอบี ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากบริษัทเลือกลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลเกาหลีใต้เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตราสารที่มีคุณภาพดี มีความมั่นคง เนื่องจากได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และหากมองในแง่ความโดดเด่นของเกาหลีใต้ ยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง และยังมีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก มากกว่าประเทศไทยซึ่งอยู่อันดับที่ 13 เกือบเท่าตัว ที่สำคัญคือกองทุนจะมีการลงทุนในอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนตลอดอายุการลงทุน”นายรพี กล่าวในที่สุด
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M1/09 (SCI INGI6M1/09) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (retail fund) ประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท (บริษัทอาจเสนอขายหน่วยลงทุนเกินเงินทุนของโครงการได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินทุนของโครงการ) อายุโครงการ ประมาณ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ ขององค์กรของรัฐประเทศเกาหลีใต้ และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ซึ่งได้เปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ – 10 กุมภาพันธ์ 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท