บลจ.เอ็มเอฟซี รับนักลงทุนกองทุน I-GOLD รอดูทิศทางราคาทองก่อนตัดสินใจลงทุน เผยสนใจการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์รับกำลังศึกษาข้อมูลอยู่ ขณะที่กองทุนเปิด"เอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์"กำไรวูบกว่า327.88ล้านบาท เหตุราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศปรับลดลงจากปัญหาซับไพรม์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลตอบรับการลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) นั้นถือนักลงทุนให้การตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งต้องยอมรับว่าความผันผวนของทองคำที่ยังมีค่อนข้างสูงส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนนั้นดูทิศทางราคาทองคำก่อนเเล้วจึงตัดสินใจลงทุน ในขณะเดียวกันบลจ.เอ็มเอฟซี ก็ให้ความสนใจการซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทีมงานกำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาข้อมูลการการลงทุนอยู่
ขณะที่รายงานข่าวจ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ งวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานขาดทุนถึง 317.56 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนหุ้นละ 4.68 บาทต่อหน่วยลงทุน ในขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบเดียวกันของปี 2550 นั้น กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.30 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.14 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 สินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลง 317.56 ล้านบาท หรือ 4.68 บาทต่อหน่วย ในขณะที่งวดเดียวกันของปี 2550 กองทุนมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น 10.31 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหน่วย คิดเป็น การลดลง 327.88 ล้านบาท หรือ 4.82 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลจากราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ได้ลงทุนในต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากผลกระทบจากปัญหาวิกฤตสินเชื่อในสหรัฐอเมริกาฯ
โดยกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ จะเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนในต่างประเทศ เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งนี้ การกระจายการลงทุนจะใช้กรอบของ Morgan Stanley Capital International World Index (MSCI World Index)เป็นหลัก โดยมีอัตราส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานประกาศกำหนดสำหรับเงินส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.หรือสำนักงานประกาศกำหนด
ทางด้านกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ นั้นจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ โดยบริหารและจัดการโดย World Gold TrustServices, LLC เพียงกองทุนเดียว นอกจากนี้กองทุน ดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง โดยมีอัตราส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ และใช้สกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ในกรณีที่บริษัทจัดการเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนโดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุน และจะแจ้งให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทราบไม่น้อยกว่า 15 วันทำการทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน (Hedging) ตามสภาวการณ์ตลาดหรือเมื่อบริษัทจัดการเห็นสมควร และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลตอบรับการลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) นั้นถือนักลงทุนให้การตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งต้องยอมรับว่าความผันผวนของทองคำที่ยังมีค่อนข้างสูงส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนนั้นดูทิศทางราคาทองคำก่อนเเล้วจึงตัดสินใจลงทุน ในขณะเดียวกันบลจ.เอ็มเอฟซี ก็ให้ความสนใจการซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทีมงานกำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาข้อมูลการการลงทุนอยู่
ขณะที่รายงานข่าวจ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ งวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานขาดทุนถึง 317.56 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนหุ้นละ 4.68 บาทต่อหน่วยลงทุน ในขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบเดียวกันของปี 2550 นั้น กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.30 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.14 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 สินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลง 317.56 ล้านบาท หรือ 4.68 บาทต่อหน่วย ในขณะที่งวดเดียวกันของปี 2550 กองทุนมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น 10.31 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหน่วย คิดเป็น การลดลง 327.88 ล้านบาท หรือ 4.82 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลจากราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ได้ลงทุนในต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากผลกระทบจากปัญหาวิกฤตสินเชื่อในสหรัฐอเมริกาฯ
โดยกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ จะเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนในต่างประเทศ เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งนี้ การกระจายการลงทุนจะใช้กรอบของ Morgan Stanley Capital International World Index (MSCI World Index)เป็นหลัก โดยมีอัตราส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งทุนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานประกาศกำหนดสำหรับเงินส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.หรือสำนักงานประกาศกำหนด
ทางด้านกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ นั้นจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ โดยบริหารและจัดการโดย World Gold TrustServices, LLC เพียงกองทุนเดียว นอกจากนี้กองทุน ดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง โดยมีอัตราส่วนการลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ และใช้สกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ในกรณีที่บริษัทจัดการเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนโดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุน และจะแจ้งให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทราบไม่น้อยกว่า 15 วันทำการทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน (Hedging) ตามสภาวการณ์ตลาดหรือเมื่อบริษัทจัดการเห็นสมควร และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)