สำรวจผลงานกองทุนทองคำ ผลตอบแทนพุ่งรับอานิสงค์ราคาขยับ โดย "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 3" มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 30.48% ตามมาด้วย "กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์" ฟันกำไรรอบ 2 เดือน อยู่ที่ 11.81%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลเนื่องจากนักลงทุนในต่างประเทศเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำกันมากขึ้น หลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นและตราสารหนี้กันออกมาเพื่อนำเงินไปชดเชยในส่วนที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตการเงินโลก จนทำให้ตลาดค่อนข้างผันผวน ประกอบกับที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกก็มีการปรับตัวลดตํ่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้ง ก่อนจะปรับลดลงมา ตอบรับการดีดตัวของตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ ล่าสุดระดับราคาซื้อขายในประเทศไทย ลดลงมาแตะที่บาทละ 15,000 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้น และความผันผวนของราคาทองคำที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าส่งผลต่อการลงทุนในทองคำด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน กองทุนรวมในบ้านเราที่เข้าไปลงทุนในทองคำก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในดัชนีซื้อขายทองคำจริงในต่างประเทศ รวมถึงกองทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนทองคำ ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
โดยจากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนที่มีการเข้าไปลงทุนในทองคำทั้งที่ลงทุนโดยตรงและที่ลงทุนลิงค์กับราคาทองคำนั้น พบว่ากองทุนที่มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 มาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 3 (SCBGLF3) ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน 342.72 ล้านบาท และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 30.48% อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนปิด ซึ่งอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ดังนั้น หากราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลง ผลการดำเนินงานของกองทุนก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท กองทุนเปิด ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีนโยบายการลงทุน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงของสถาบันการเงินต่างประเทศ ที่อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยมีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ มีมูลค่าทรัพย์สิน 1,002.08 ล้านบาทโดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 11.81% อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิด เค โกลด์ ซึ่งมูลค่าทรัพย์สิน 1991.31 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ 8.99%
ส่วนอันดับที่ 4 นั้นได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ มีมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 850.61 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ 4.71% ขณะที่อันดับที่ 5 คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 538.26 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.87%
อย่างไรก็ตาม ยังมีกองทุนที่ลงทุนในทองคำแต่มีผลการดำเนินงานติดลบอยู่เช่นเดียวกัน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลเด้นท์ สตาร์ ลิ้งค์ มีมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 389.56 ล้านบาท ซึ่งมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.42% และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 2 ซึ่งมูลค่าทรัพย์สิน 376.77 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -2.13%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจมากขึ้น ล่าสุด มีกองทุนทองคำออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอีก 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) และกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ (AYFGOLD) โดยกองทุน (I-GOLD) บริหารจัดการโดย บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และบริหารและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC เพียงกองทุนเดียว
ส่วนกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ บริหารจัดการโดย บลจ. อยุธยา จำกัด โดยกองทุนจะเข้าลงทุนใน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบครองทองคำกว่า 80% ของกองทุนอีทีเอฟทองคำที่มีอยู่ในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้าง ผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ ทั้งนี้ กองทุน AYFGOLD กำลังอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงไอพีโอ โดยในวันที่ 13 มีนาคมนี้จะเป็นวันเสนอขายวันสุดท้าย ก่อนจะเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้ทุกวันอีกครั้ง หลังจดทะเบียนตั้งกองทุนแล้ว
ด้านบลจ.ฟิลลิปเอง ก็สนใจออกกองทุนที่ลงทุนในทองคำเช่นกัน โดยจะเป็นรูปแบบการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษารูปแบบ และอาจมีการนำโกล์ฟิวเจอร์ ที่พึ่งเปิดขายในประเทศไทยมาเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะสามารถเปิดขายกองทุนได้ประมาณช่วงเดือนมีนาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลเนื่องจากนักลงทุนในต่างประเทศเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำกันมากขึ้น หลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นและตราสารหนี้กันออกมาเพื่อนำเงินไปชดเชยในส่วนที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตการเงินโลก จนทำให้ตลาดค่อนข้างผันผวน ประกอบกับที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกก็มีการปรับตัวลดตํ่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้ง ก่อนจะปรับลดลงมา ตอบรับการดีดตัวของตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ ล่าสุดระดับราคาซื้อขายในประเทศไทย ลดลงมาแตะที่บาทละ 15,000 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้น และความผันผวนของราคาทองคำที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าส่งผลต่อการลงทุนในทองคำด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน กองทุนรวมในบ้านเราที่เข้าไปลงทุนในทองคำก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในดัชนีซื้อขายทองคำจริงในต่างประเทศ รวมถึงกองทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนทองคำ ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
โดยจากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนที่มีการเข้าไปลงทุนในทองคำทั้งที่ลงทุนโดยตรงและที่ลงทุนลิงค์กับราคาทองคำนั้น พบว่ากองทุนที่มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 มาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 3 (SCBGLF3) ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน 342.72 ล้านบาท และมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 30.48% อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนปิด ซึ่งอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ดังนั้น หากราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลง ผลการดำเนินงานของกองทุนก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท กองทุนเปิด ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีนโยบายการลงทุน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงของสถาบันการเงินต่างประเทศ ที่อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยมีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ ฟันด์ มีมูลค่าทรัพย์สิน 1,002.08 ล้านบาทโดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 11.81% อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิด เค โกลด์ ซึ่งมูลค่าทรัพย์สิน 1991.31 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ 8.99%
ส่วนอันดับที่ 4 นั้นได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ มีมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 850.61 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ 4.71% ขณะที่อันดับที่ 5 คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 538.26 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.87%
อย่างไรก็ตาม ยังมีกองทุนที่ลงทุนในทองคำแต่มีผลการดำเนินงานติดลบอยู่เช่นเดียวกัน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลเด้นท์ สตาร์ ลิ้งค์ มีมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 389.56 ล้านบาท ซึ่งมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.42% และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ ลิงค์ 2 ซึ่งมูลค่าทรัพย์สิน 376.77 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -2.13%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจมากขึ้น ล่าสุด มีกองทุนทองคำออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอีก 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) และกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ (AYFGOLD) โดยกองทุน (I-GOLD) บริหารจัดการโดย บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และบริหารและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC เพียงกองทุนเดียว
ส่วนกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ บริหารจัดการโดย บลจ. อยุธยา จำกัด โดยกองทุนจะเข้าลงทุนใน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบครองทองคำกว่า 80% ของกองทุนอีทีเอฟทองคำที่มีอยู่ในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้าง ผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ ทั้งนี้ กองทุน AYFGOLD กำลังอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงไอพีโอ โดยในวันที่ 13 มีนาคมนี้จะเป็นวันเสนอขายวันสุดท้าย ก่อนจะเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้ทุกวันอีกครั้ง หลังจดทะเบียนตั้งกองทุนแล้ว
ด้านบลจ.ฟิลลิปเอง ก็สนใจออกกองทุนที่ลงทุนในทองคำเช่นกัน โดยจะเป็นรูปแบบการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในทองคำ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษารูปแบบ และอาจมีการนำโกล์ฟิวเจอร์ ที่พึ่งเปิดขายในประเทศไทยมาเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะสามารถเปิดขายกองทุนได้ประมาณช่วงเดือนมีนาคมนี้
