ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กสิกรไทย เผย"K-GOLD"รับอานิสงส์ราคาทองคำพุ่งดันมูลค่าเอ็นเอวีดีดตัว พร้อมคาดราคาทองคำโลกปีฉลูอาจแตะ 950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุนักลงทุนหันสนใจมากกว่าบอนด์สหรัฐ มั่นใจลูกค้าให้ความสนใจกองทุนนี้เพิ่มขึ้น หลังขนาดกองปีเดียวโตเกือบเท่าตัว
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนของกองทุน เปิด เค โกลด์ (K-GOLD) ในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงกว่า 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นับว่าเป็นผลดีต่อกองทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“การลงทุนในกองทุนนี้จะขึ้นอยู่กับราคาทองคำโลก และในช่วงที่ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นจะทำให้เอ็นเอวีปรับขึ้นตามไปด้วย”นายประเสริฐกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มของราคาทองคำน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้อีกในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนหันมาให้ความสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น ภายหลังจากประเทศสหรัฐเอมริกาประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ โดยคาดว่าหลังจากนี้ประเทศสหรัฐฯจะมีการออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมามาอัดฉีดในระบบมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้ราคาของพันธบัตรปรับตัวลดลง จนทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคาทองคำในปีนี้ปรับตัวขึ้นได้อีกเช่นกัน
สำหรับราคาทองคำในปีนี้เชื่อว่าในระดับต่อไปน่าจะปรับตัวได้ที่ 950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยหากเปรียบเทียบกับในปีที่ผ่านมาราคาทองโลกเคยทำสถิติสูงสุดถึง 1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว การปรับตัวของราคาทองคำในปีน่าจะทำได้เช่นเดียวกัน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกอง K-GOLD หากสามารถจับจังหวะในทำกำไรในช่วงสั้นๆ หรือขายทำกำไรในบ้างส่วนก็สามารถทำได้ แต่หากต้องการลงทุนในระยะยาวก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาการขยายตัวของกองทุน K-GOLD ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเปิดขายครั้งแรกที่ยอดลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาทมาอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาทในปัจจุบัน
“กองนี้น่าจะมีโอกาสโตขึ้นอีก เพราะหากดูความสนใจของคนไทยในการซื้อทองคำจริงมันมีเยอะ แต่จะเสียต้นทุนสูงกว่าการลงทุนในกองทุนนี้ ซึ่งในปีที่ผ่านมากองทุนนี้ก็โตมาเรื่อยๆแล้วแม้ในตอนแรกไซด์มันจะไม่ค่อยใหญ่ก็ตาม”นายประเสริฐกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดเค โกลด์ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ SPDR Gold Trust ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นอกจากนี้ กองทุนยังมีมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดคยจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสมหรือการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดขายโกลด์ฟิวเจอร์ในประเทศไทยนั้น ทางบริษัทเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับนักลงทุน ส่วนจะออกกองทุนที่ลงทุนในตลาดนี้หรือไม่คงต้องดูสภาวะตลาดก่อนว่ามีการซื้อขายอย่างไร แต่เชื่อว่าราคาทองคำในประเทศน่าจะอยู่ในทิศทางเดียวกับทองคำโลกอยู่แล้ว ซึ่งหากนักลงทุนต้องการจะลงทุนก็สามารถลงทุนในกองทุน K-GOLD ได้เช่นเดียวกัน
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนของกองทุน เปิด เค โกลด์ (K-GOLD) ในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงกว่า 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นับว่าเป็นผลดีต่อกองทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“การลงทุนในกองทุนนี้จะขึ้นอยู่กับราคาทองคำโลก และในช่วงที่ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นจะทำให้เอ็นเอวีปรับขึ้นตามไปด้วย”นายประเสริฐกล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มของราคาทองคำน่าจะมีการปรับตัวขึ้นได้อีกในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนหันมาให้ความสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น ภายหลังจากประเทศสหรัฐเอมริกาประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ โดยคาดว่าหลังจากนี้ประเทศสหรัฐฯจะมีการออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมามาอัดฉีดในระบบมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้ราคาของพันธบัตรปรับตัวลดลง จนทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคาทองคำในปีนี้ปรับตัวขึ้นได้อีกเช่นกัน
สำหรับราคาทองคำในปีนี้เชื่อว่าในระดับต่อไปน่าจะปรับตัวได้ที่ 950 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยหากเปรียบเทียบกับในปีที่ผ่านมาราคาทองโลกเคยทำสถิติสูงสุดถึง 1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว การปรับตัวของราคาทองคำในปีน่าจะทำได้เช่นเดียวกัน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกอง K-GOLD หากสามารถจับจังหวะในทำกำไรในช่วงสั้นๆ หรือขายทำกำไรในบ้างส่วนก็สามารถทำได้ แต่หากต้องการลงทุนในระยะยาวก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาการขยายตัวของกองทุน K-GOLD ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเปิดขายครั้งแรกที่ยอดลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาทมาอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาทในปัจจุบัน
“กองนี้น่าจะมีโอกาสโตขึ้นอีก เพราะหากดูความสนใจของคนไทยในการซื้อทองคำจริงมันมีเยอะ แต่จะเสียต้นทุนสูงกว่าการลงทุนในกองทุนนี้ ซึ่งในปีที่ผ่านมากองทุนนี้ก็โตมาเรื่อยๆแล้วแม้ในตอนแรกไซด์มันจะไม่ค่อยใหญ่ก็ตาม”นายประเสริฐกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดเค โกลด์ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ SPDR Gold Trust ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นอกจากนี้ กองทุนยังมีมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดคยจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสมหรือการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดขายโกลด์ฟิวเจอร์ในประเทศไทยนั้น ทางบริษัทเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับนักลงทุน ส่วนจะออกกองทุนที่ลงทุนในตลาดนี้หรือไม่คงต้องดูสภาวะตลาดก่อนว่ามีการซื้อขายอย่างไร แต่เชื่อว่าราคาทองคำในประเทศน่าจะอยู่ในทิศทางเดียวกับทองคำโลกอยู่แล้ว ซึ่งหากนักลงทุนต้องการจะลงทุนก็สามารถลงทุนในกองทุน K-GOLD ได้เช่นเดียวกัน
