แนวโน้มราคาทองยังเป็นขาขึ้น “จิตติ” แจงปมส่งทองขายนอก

ราคาทองยังนิ่งที่ 16,700 บาท คาด ตลาดปรับฐาน แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น “จิตติ” ครวญประชาชนแห่ไถ่ถอนจากโรงจำนำ แล้วนำมาขายร้านทองเพื่อทำกำไร ทำให้มีทองคำในมือมากเกินไป จนต้องส่งขายต่างประเทศ เผย เดือน ก.พ.ส่งออกทองคำหลายหมื่นล้านบาท หนุนตัวเลขส่งออกดีขึ้น แต่ต้องรับภาระแปรรูปเป็นทองแท่ง

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองวันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นดังนี้ ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 15,963.48 บาท ขายออกบาทละ 16,700 บาท ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 16200 บาท ขายออกบาทละ 16,300 บาท

ด้านราคาทองคำสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ปรับตัวลดลง โดยราคาทองคำนิวยอร์ก (NYMEX) ในสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน 2552 ปรับลดลง 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.7% มาปิดที่ระดับ 995 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากนับจากต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้น 13%

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาทองคำในประเทศช่วงนี้ อาจมีการปรับฐาน แต่เชื่อว่า แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเริ่มนำทองรูปพรรณออกมาขายกันมากขึ้น ซึ่งมีทั้งนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อสะสม และประชาชนแห่ไถ่ถอนทองออกจากโรงจำนำมาขายที่ร้านค้าทองคำ รวมทั้งร้านค้าทองทั่วไปที่ขายทองรูปพรรณไม่ได้ ก็นำทองมาขายให้ร้านค้าทองรายใหญ่เพื่อทำกำไรเช่นกัน

“มีคนนำทองคำมาขายจำนวนมากเป็นเวลากว่าเดือนแล้ว และร้านค้าทองเองได้ขายออกไปต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อว่าจะได้เห็นตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เริ่มดีขึ้น ซึ่งในเดือนมกราคม 2552 แม้จะขายทองคำออกไปบ้าง แต่ยังไม่เห็นชัดนัก เพราะราคาทองเริ่มปรับสูงขึ้น และขายออกไปช่วงปลายๆ เดือนเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม หากยังคงมีการนำทองรูปพรรณออกมาขายจำนวนมาก อาจส่งผลให้ร้านค้าทองอึดอัด เพราะจะต้องแปรรูปเป็นทองคำแท่งออกส่งขายต่างประเทศ และใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ถึง 10 วัน และหากมีมากโรงงานก็อาจจะมีงานล้นมือ

สำหรับทิศทางราคาทองคำนั้น นายจิตติ ยังยืนยันว่า อาจจะได้เห็นราคาทองคำแท่งในประเทศถึงระดับ 1.7 หมื่นบาท ได้ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า แต่ระหว่างนี้ราคาทองจะต้องมีการปรับฐานเสียก่อน โดยปกติแล้วการซื้อขายทองคำล่วงหน้าจะมีทั้งที่ปรับขึ้นและลง แต่การที่ปรับตัวสูงขึ้นติดๆ กันหลายวันดูจะไม่มีเหตุผลนัก แต่ปัจจัยหลักมาจากตลาดต่างประเทศที่สถาบันการเงินขนาดเล็กในสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มมีปัญหาอีกครั้ง จึงทำให้คนหันมาถือทองคำกันมากขึ้น