ASTVผู้จัดการรายวัน - ปิดไอพีโอ 2 กองทุนทองคำ ยอดระดมทุนฝืด นักลงทุนหวั่นติดยอดดอย รอจังหวะลงทุนรอบใหม่ หลังราคาปรับลง เอวายเอฟ ปิดจอง "อยุธยาโกลด์" ด้วยยอดระดมทุน 50 ล้านบาท ขณะที่ "เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์" ค่ายเอ็มเอฟซี ขายได้เพียง 9 ล้าน
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายกองทุนเปิดอยุธยาโกลด์ ไปในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าและนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ลูกค้าแสดงความสนใจว่าจะลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ ประมาณ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่พลาดการลงทุนในช่วงไอพีโอ รวมถึงนักลงทุนที่อาจจะรอจังหวะการลงทุนอยู่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีนักลงทุนเข้าและออกมากขึ้น
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ยังอยู่ในระดับสูง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนยังเข้ามาลงทุนไม่มาก เพราะบางคนเองมองว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก ซึ่งช่วงนั้น จะเป็นจังหวะที่นักลงทุนเหล่านี้จะเข้ามาลงทุน ประกอบกับนักลงทุนไทยเอง อาจจะยังติดอยู่กับการซื้อทองคำแท่งมากกว่า แต่หลังจากนี้ ก็จะมีการทำการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อว่าปัจจุบัน นักลงทุนหันมาเลือกลงทุนในทองคำอยู่ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น อย่างน้อยในสัดส่วนประมาณ 5-10%
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ บริหารจัดการโดย บลจ. อยุธยา จำกัด โดยกองทุนจะเข้าลงทุนใน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบครองทองคำกว่า 80% ของกองทุนอีทีเอฟทองคำที่มีอยู่ในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้าง ผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ
ด้านรายงานข่าวจากบลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปในช่วงเดือนมีนาคมเช่นกัน ปรากฏว่าได้รับความใจจากนักลงทุนค่อนข้างน้อย โดยสามารถระดมทุนในช่วงไอพีโอได้ประมาณ 9.4 ล้านบาท ซึ่งหลังจากลงทุนไปแล้ว พบว่ากองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน (17 มี.ค.52) อยู่ที่ 9.8920 บาท ต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 10.00 บาท เล็กน้อย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และบริหารและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC เพียงกองทุนเดียว
อย่างไรก็ตาม บลจ.เอ็มเอฟซี รายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดียวกัน บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้และกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนด้วย โดยปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยในส่วนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 4 (MK6S4) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่ผลตอบแทนดีและมั่นคง อายุ 6 เดือน สามารถระดมทุนได้ประมาณ 680 ล้านบาทซึ่งถือว่าเกือบเต็มกรีนชู
ในขณะที่กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1 (I-OIL 15S1) กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ผ่านกองทุนน้ำมันต่างประเทศ PowerShares DB Oil Fund และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน สามารถปิดการขายได้เกือบ 200 ล้านบาท ซึ่งจากการตอบรับที่ดีดังกล่าว บลจ.เอ็มเอฟซี จึงเตรียมส่งกองทุนรุกตลาดกองทุนรวมต่อเนื่องหลังจากนี้
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายกองทุนเปิดอยุธยาโกลด์ ไปในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าและนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ลูกค้าแสดงความสนใจว่าจะลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ ประมาณ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่พลาดการลงทุนในช่วงไอพีโอ รวมถึงนักลงทุนที่อาจจะรอจังหวะการลงทุนอยู่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีนักลงทุนเข้าและออกมากขึ้น
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ยังอยู่ในระดับสูง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนยังเข้ามาลงทุนไม่มาก เพราะบางคนเองมองว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก ซึ่งช่วงนั้น จะเป็นจังหวะที่นักลงทุนเหล่านี้จะเข้ามาลงทุน ประกอบกับนักลงทุนไทยเอง อาจจะยังติดอยู่กับการซื้อทองคำแท่งมากกว่า แต่หลังจากนี้ ก็จะมีการทำการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อว่าปัจจุบัน นักลงทุนหันมาเลือกลงทุนในทองคำอยู่ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น อย่างน้อยในสัดส่วนประมาณ 5-10%
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยา โกลด์ บริหารจัดการโดย บลจ. อยุธยา จำกัด โดยกองทุนจะเข้าลงทุนใน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบครองทองคำกว่า 80% ของกองทุนอีทีเอฟทองคำที่มีอยู่ในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้าง ผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ
ด้านรายงานข่าวจากบลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปในช่วงเดือนมีนาคมเช่นกัน ปรากฏว่าได้รับความใจจากนักลงทุนค่อนข้างน้อย โดยสามารถระดมทุนในช่วงไอพีโอได้ประมาณ 9.4 ล้านบาท ซึ่งหลังจากลงทุนไปแล้ว พบว่ากองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน (17 มี.ค.52) อยู่ที่ 9.8920 บาท ต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 10.00 บาท เล็กน้อย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และบริหารและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC เพียงกองทุนเดียว
อย่างไรก็ตาม บลจ.เอ็มเอฟซี รายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดียวกัน บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้และกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนด้วย โดยปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยในส่วนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 4 (MK6S4) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่ผลตอบแทนดีและมั่นคง อายุ 6 เดือน สามารถระดมทุนได้ประมาณ 680 ล้านบาทซึ่งถือว่าเกือบเต็มกรีนชู
ในขณะที่กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟิฟทีน ซีรี่ส์ 1 (I-OIL 15S1) กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ผ่านกองทุนน้ำมันต่างประเทศ PowerShares DB Oil Fund และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน สามารถปิดการขายได้เกือบ 200 ล้านบาท ซึ่งจากการตอบรับที่ดีดังกล่าว บลจ.เอ็มเอฟซี จึงเตรียมส่งกองทุนรุกตลาดกองทุนรวมต่อเนื่องหลังจากนี้