บลจ.ฟิลลิป เตรียมส่งกองทุนทองคำเอาใจนักลงทุน เผย ให้ผลตอบแทนดี หลังตลาดหุ้นตก พันธบัตรให้ยิลด์ต่ำ เบื้องต้น รอสำรวจลูกค้าก่อนตัดสินใจ ยื่นขอจัดตั้งกับ ก.ล.ต. เปรย เน้นลงทุนทั้งทองคำและโกล์ดฟิวเจอร์ ลดความเสี่ยงและความผันผวน
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในภาวะไม่ค่อยดี ส่งผลให้นักลงทุนไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นจะอยู่ที่ใดและจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนในสินค้าที่มีมาตรฐาน มีสภาพคล่องสูง การซื้อขายเหมือนกันทั่วโลกและมีความต้องการเหมือนกันทั่วโลก รวมถึงมีคนลงทุนมากที่สุดนั่นคือ ทองคำ นั่นเอง
ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมองหาช่องทางการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี มีสภาพคล่องสูง อีกทั้งการลงทุนยังมีความปลอดภัย โดยมองการลงทุนในทองคำ เพราะราคาในขณะนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งคาดว่าราคาทองหลังจากนี้ จะไม่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เพราะตลาดหุ้นมีความผันผวน อีกทั้งยังไม่ได้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมากนัก จึงทำให้การลงทุนในตลาดทุนไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุน อีกทั้งตลาดหุ้นยังไม่สามารถหารจุดต่ำสุดได้ แต่หากหาจุดต่ำสุดเจอ การลงทุนในหุ้นถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่นิ่ง จึงทำให้การลงทุนยังคงมีความเสี่ยงสูง
ด้านการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะได้รับความสนใจ แต่เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับไม่ดีเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ จึงทำให้นักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่นแทน ขณะที่การลงทุนในน้ำมันถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่เพราะเป็นการลงทุนที่ไกลตัวจึงทำให้นักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนัก
"เมื่อนำผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆมาเปรียบเทียบกัน พบว่าการลงทุนในทองคำนั้น ถือว่ามีอนาคตมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น และพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่จากความเสี่ยงในการแกว่งตัว และความผันผวนของราคานั้นมีความใกล้เคียงกับค่าเงินมาก จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มใหญ่มองทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก"นายวรรธนะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทได้มีการสำรวจความสนใจของนักลงทุนถึงความสนใจลงทุนในทองคำ โดยได้มีการชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้นักลงทุนได้เข้าใจเป็นหลัก ไม่ได้เจาะจงเน้นส่วนแบ่งตลาด เพราะบลจ.ฟิลลิปเป็นเพียงบริษัทเล็กๆเท่านั้น จึงอาศัยการเรียกความมั่นใจและเชื่อใจจากนักลงทุนมากกว่าส่วนแบ่งตลาด
สำหรับแนวโน้มการจัดตั้งกองทุนทองคำ ขณะนี้บริษัทได้มีการร่างนโยบายและจัดเตรียมกองทุนไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือเพียงยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งบริษัทต้องสอบถามความคิดเห็นของนักลงทุน และรอดูภาวะตลาดอีกสักระยะก่อนทำการยื่นเรื่องต่อ ก.ล.ต. ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว จะเป็นกองทุนเปิดที่นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ตลอด โดยเป็นกองทุนทองคำที่ไม่ใช่กองทุนรวมต่างประเทศ(เอฟไอเอฟ) ที่นโยบายการลงทุนจะเน้นลงทุนในทองคำเป็นหลัก แต่จะสามารถลงทุนในกลุ่มของโกล์ดฟิวเจอร์ได้ด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำในตลาด
ทั้งนี้ บริษัทจะลงทุนในกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศฮ่องกง และมีการดูแลโดยฟิลลิปในประเทศฮ่องกงที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ คอยซื้อขายหน่วยลงทุนให้นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะมีการซื้อขายในรูปของเงินบาท และกำหนดมูลค่าโครงการเบื้องต้นไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 2,000 บาท เพื่อให้นักลงทุนทุกระดับได้มีโอกาสเข้ามาร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาการเสนอขายกองทุนทองคำ เนื่องจากกำลังทำการศึกษาข้อมูลและสำรวจความสนใจของนักลงทุนว่ามีความสนใจมากน้อยเพียงไรก่อนจะตัดสินใจยื่นเรื่องขอจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
นายวรรธนะ กล่าวถึงการบริหารจัดการกองทุนรวมต่างๆของบลจ.ฟิลลิปว่า ขณะนี้กองทุนรวมทุกกองที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ของบริษัท จะเน้นลงทุนในพันธบัตรหรือทรัพย์สินที่มีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของเงิน และเพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารให้แก่นักลงทุนด้วย โดยได้ยกเว้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นด้วย แต่จะมีการจัดพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในสินทรัพย์ที่รัฐบาลค้ำประกันด้วย จึงถือได้ว่ากองทุนรวมของเรา เน้นความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับเงินของลูกค้า ที่เข้ามาลงทุนเป็นปัจจัยหลัก
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในภาวะไม่ค่อยดี ส่งผลให้นักลงทุนไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นจะอยู่ที่ใดและจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนในสินค้าที่มีมาตรฐาน มีสภาพคล่องสูง การซื้อขายเหมือนกันทั่วโลกและมีความต้องการเหมือนกันทั่วโลก รวมถึงมีคนลงทุนมากที่สุดนั่นคือ ทองคำ นั่นเอง
ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมองหาช่องทางการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี มีสภาพคล่องสูง อีกทั้งการลงทุนยังมีความปลอดภัย โดยมองการลงทุนในทองคำ เพราะราคาในขณะนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งคาดว่าราคาทองหลังจากนี้ จะไม่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เพราะตลาดหุ้นมีความผันผวน อีกทั้งยังไม่ได้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมากนัก จึงทำให้การลงทุนในตลาดทุนไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุน อีกทั้งตลาดหุ้นยังไม่สามารถหารจุดต่ำสุดได้ แต่หากหาจุดต่ำสุดเจอ การลงทุนในหุ้นถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่นิ่ง จึงทำให้การลงทุนยังคงมีความเสี่ยงสูง
ด้านการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะได้รับความสนใจ แต่เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับไม่ดีเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ จึงทำให้นักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่นแทน ขณะที่การลงทุนในน้ำมันถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่เพราะเป็นการลงทุนที่ไกลตัวจึงทำให้นักลงทุนไม่ให้ความสนใจมากนัก
"เมื่อนำผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆมาเปรียบเทียบกัน พบว่าการลงทุนในทองคำนั้น ถือว่ามีอนาคตมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น และพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่จากความเสี่ยงในการแกว่งตัว และความผันผวนของราคานั้นมีความใกล้เคียงกับค่าเงินมาก จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มใหญ่มองทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก"นายวรรธนะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทได้มีการสำรวจความสนใจของนักลงทุนถึงความสนใจลงทุนในทองคำ โดยได้มีการชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้นักลงทุนได้เข้าใจเป็นหลัก ไม่ได้เจาะจงเน้นส่วนแบ่งตลาด เพราะบลจ.ฟิลลิปเป็นเพียงบริษัทเล็กๆเท่านั้น จึงอาศัยการเรียกความมั่นใจและเชื่อใจจากนักลงทุนมากกว่าส่วนแบ่งตลาด
สำหรับแนวโน้มการจัดตั้งกองทุนทองคำ ขณะนี้บริษัทได้มีการร่างนโยบายและจัดเตรียมกองทุนไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือเพียงยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งบริษัทต้องสอบถามความคิดเห็นของนักลงทุน และรอดูภาวะตลาดอีกสักระยะก่อนทำการยื่นเรื่องต่อ ก.ล.ต. ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว จะเป็นกองทุนเปิดที่นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ตลอด โดยเป็นกองทุนทองคำที่ไม่ใช่กองทุนรวมต่างประเทศ(เอฟไอเอฟ) ที่นโยบายการลงทุนจะเน้นลงทุนในทองคำเป็นหลัก แต่จะสามารถลงทุนในกลุ่มของโกล์ดฟิวเจอร์ได้ด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำในตลาด
ทั้งนี้ บริษัทจะลงทุนในกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศฮ่องกง และมีการดูแลโดยฟิลลิปในประเทศฮ่องกงที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ คอยซื้อขายหน่วยลงทุนให้นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะมีการซื้อขายในรูปของเงินบาท และกำหนดมูลค่าโครงการเบื้องต้นไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 2,000 บาท เพื่อให้นักลงทุนทุกระดับได้มีโอกาสเข้ามาร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาการเสนอขายกองทุนทองคำ เนื่องจากกำลังทำการศึกษาข้อมูลและสำรวจความสนใจของนักลงทุนว่ามีความสนใจมากน้อยเพียงไรก่อนจะตัดสินใจยื่นเรื่องขอจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
นายวรรธนะ กล่าวถึงการบริหารจัดการกองทุนรวมต่างๆของบลจ.ฟิลลิปว่า ขณะนี้กองทุนรวมทุกกองที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ของบริษัท จะเน้นลงทุนในพันธบัตรหรือทรัพย์สินที่มีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของเงิน และเพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารให้แก่นักลงทุนด้วย โดยได้ยกเว้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นด้วย แต่จะมีการจัดพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในสินทรัพย์ที่รัฐบาลค้ำประกันด้วย จึงถือได้ว่ากองทุนรวมของเรา เน้นความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับเงินของลูกค้า ที่เข้ามาลงทุนเป็นปัจจัยหลัก