xs
xsm
sm
md
lg

MFCต่อยอดกองหุ้นกู้เอกชนตลอดปี แนะทองคำ-น้ำมันทางเลือกเพิ่มยิลด์การลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซีมองภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมืด นักลงทุนอยู่ในความหวาดกลัว แนะรัฐเร่งส่งเสริมการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะเดียวกันเตรียมเสนอช่องทางการลงทุนช่วงเศรษฐกิจซบ เน้นออกกองหุ้นกู้-ทองคำ-น้ำมัน มั่นใจเป็นทางเลือกที่ดีจากการหาผลตอบแทนที่มากขึ้นในปัจจุบัน
นายศุภกร สุนทรกิจ
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจในขณะนี้ตนเห็นด้วยว่าอยู่ในช่วงตี 5 หรือว่ายังไม่สว่าง ซึ่งเศรษฐกิจโลกน่าจะอยู่ในขั้นติดลบได้จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 0.3% เนื่องจากตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลกอย่างประเทศจีนในปีนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 8% มาอยู่ที่ประมาณ 4-6% เท่านั้น

สำหรับสถาการณ์ในขณะนี้นับว่าน่าจะอยู่ในช่วงตกต่ำของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทั้งภาครัฐและประชาชนต้องพยายามรัดเข็มขัด แต่หากทำจริงเศรษฐกิจของประเทศก็จะไม่ฟื้นและซ้ำรอยกับประเทศญี่ปุ่นได้ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า

ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรทำในปีนี้น่าจะเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าในระบบมากขึ้น และยังมีต้นทุนในการดำเนินการน้อยเพียงแค่การโปรโมทของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากประเทศไทยแล้วในปัจจุบันนี้นักลงทุนทั่วโลกต่างตกอยู่ความกลัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วจนถึงปีหน้า ที่ผ่านมาวิกฤตที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะยังไม่จบและตลาดหุ้นในประเทศสหรัฐเองก็พึ่งทำสถิติต่ำสุดไปไม่นานนี้ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของประเทศไทยถือว่ายังอยู่สถาการณ์ที่ดีกว่า เนื่องจากการที่ดัชนียืนอยู่ในระดับ 400 จุดได้น่าจะเป็นสัญญาณว่าการเทขายของนักลงทุนต่างชาติได้หมดลงแล้ว ส่วนที่เหลือในปัจจุบันเป็นการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ

"การปรับตัวของตลาดหุ้นปัจจุบันคงจะขึ้นไม่มาก หรือลงไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบันยังเข้าลงทุนไม่เต็มที่ ทำให้มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันยังน้อยอยู่"นายศุภกรกล่าว

นายศุภกร กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานของบริษัทในสถาการณ์ปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกันคือ 1.การออกกองทุนจะเน้นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น 2.ในส่วนของกองทุนห้นจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้มากขึ้นเพื่อให้ตรงการสถาการณ์ 3.จะมีการลงทุนในกองทุนน้ำ-ทองคำมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน และ4. บริษัทอาจนำเครื่องมือทางการเงิน อย่างอนุพันธ์เข้ามาช่วยบริหารพอร์ตมากขึ้นได้หลังจากนี้

ทั้งนี้ การออกกองทุนของบริษัทตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงหน้าคงจะเน้นเป็นกองทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้วทำให้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยคาดว่าในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินจะมีการประชุมกันน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกประมาณ 0.5% จนเหลือเพียงแค่ 1% เท่านั้น

"การออกหุ้นกู้ในปีนี้พวกที่เครดิตต่ำก็จะมีส่วนต่างมากหน่อย แต่ตอนนี้ที่ดูอยู่ระดับ AAA ส่วนต่างยังอยู่ที่1.25-1.3% ซึ่งยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยอีกและน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อนักลงทุน และเราจะเลือกแต่เรตติ้งดีๆ ไม่กระจายลงทุน เพื่อให้มีความปลอดภัยสูง"นายศุภกรกล่าว

นายศุภกร กล่าวอีกว่า การลงทุนในหุ้นปีนี้กลุ่มพลังงานน่าจะยังเป็นที่น่าสนใจอยู่เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว และปรับลดลงมากกว่า 53% ซึ่งราคาในระดับนี้ไม่ได้สะท้อนถึงพื้นฐานที่แท้จริง ซึ่งหากราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงก็น่าจะเป็นโอกาส แต่หากราคามันปรับขึ้นจนน่ากลัวนักลงทุนเองควรปรับพอร์ตบ้างเพื่อป้องกันการเก็งกำไร โดยการลงทุนในราคาน้ำมันเองนับเป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจเนื่องจากเชื่อว่า ราคาน้ำมันในปีน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้เนื่องจาก ทางกลุ่มประเทศโอเปกคงไม่ยอมให้ราคาอยู่ในระดับต่ำขณะนี้ และน่าจะมีการลดกำลังการผลิตอีกในการประชุมครั้งต่อไป

"ทุกประเทศต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงหนีไม่พ้นทีจะต้องกระตุ้นการบริโภค นอกจากนี้การลงทุนของภาครัฐเองก็จำเป็นจะต้องมีมากขึ้น ซึ่งประเทศไทย มาเลเซีย และจีนต่างต้องปรับตัวในรูปแบบนี้เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นกลับมา ทำให้ราคาน้ำมันน่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากเหตุผลดังกล่าว"นายศุภกรกล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในทองคำ บริษัทเองคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกเช่นกัน โดยหากดูจากสถิติแล้วราคาทองในปีที่ผ่านมาปรับขึ้นไปถึง 5% และในปีนี้ก็น่าจะปรับขึ้นอีกประมาณ 3% เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัยพ์ที่คนส่วนใหญ่หันลงทุนในทองคำมากขึ้นในภาวะที่ไม่ปลอดภัย หรือภาวะสงคราม แต่ในปัจจุบันนี้ถึงจะไม่ใช่ภาวะสงครามแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองว่าเงินของตนเองในขณะนี้ถึงจะอยู่ที่ไหนก็จะไม่ปลอดภัย ซึ่งสาเหุตนี้เองจะทำให้ราคาทองคำน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งขึ้นในขณะนี้เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท เยน และยูโร เนื่องจากความต้องการถือครองเงินสกุลดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลสหรับมีอยู่มาก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่เชื่อว่าภาพนี้จะไม่ถาวร เนื่องจากหากสถาการณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกายังมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องค่าเงินอาจอ่อนค่าลงได้ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อราคาทองคำที่นักลงทุนจะหันความสนใจเพิ่มมากขึ้นตามสถาการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น