บลจ.กสิกรไทยโดดร่วมวงกองพันธบัตรอัสซูรี่ เปิดขาย "เค พันธบัตร อิตาลี 3 เดือนเอ" ลงทุนบอนด์ภาครัฐ อายุโครงการ 3 เดือน ระหว่างวันนี้ถึง 7 เมษายนยี้ มั่นใจศักยภาพของประเทศอิตาลียังดี แถมอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าไทย เหตุเป็นประเทศในกลุ่มสมาชิก EMU ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินเป็นเครื่องการันตี
นายนคร ตามไท ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิดเคพันธบัตรอิตาลี 3 เดือนเอ (KITG3MA) ระหว่างวันนี้ ถึง วันที่ 7 เมษายน 2552 เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะสั้น สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการลงทุนระยะสั้น พร้อมกับโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
สำหรับ กองทุนเปิดเค พันธบัตร อิตาลี 3 เดือนเอ จะมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน และมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายที่จะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐบาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศอิตาลีเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนตลอดอายุการลงทุน
นายนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่บลจ.กสิกรไทย เปิดขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีมีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด คือ P1,A1+ และ F1 จากการจัดอันดับของ Moody’s,S&P และ Fitch ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย
“การที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่ของอิตาลีไม่ได้ลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับ Subprime จึงทำให้อิตาลีไม่ได้รับผลกระทบเหมือนประเทศอื่นๆในยุโรป นอกจากนี้การที่อิตาลีเป็นสมาชิกของ Europe Monetary Union (EMU) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ถือเป็นสิ่งที่ยังช่วยการันตีความมั่นคงทางการเงินของอิตาลีได้”นายนครกล่าว
สำหรับบลจ.กสิกรไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปี 2552 นับเป็นบริษัทที่มีการเปิดขายกองทุนพันธบัตรต่างประเทศมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เสนอขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลีไปแล้วร่วมทั้งสิ้น 6 กองทุน และมียอดการระดมทุนรวมแล้วกว่า 14,993.41 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่อยู่ระหว่างการเสนอขายอีก 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอจี เปิดขาย 26 มี.ค.-1 เม.ย. 52 มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอช เปิดขาย 30 มี.ค.- 4 เม.ย. 52 มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท
โดย บลจ.กสิกรไทย ให้เหตุผลในการเปิดขายกองทุนประเภทนี้ว่า การเปิดขายกองทุนของบริษัทในปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ตลอดจนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพและ มีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ยังมีจุดแข็งหลายประการ และเป็นตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอย่างยิ่งในภาวะดอกเบี้ยขาลงเช่นปัจจุบัน
นอกจากนี้ ตราสารภาครัฐของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100 % ในด้านอัตราผลตอบแทน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ 3.19 แสนล้านบาท กว่า 2.89 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนรวมมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ 2.14 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ 2.59 แสนล้านบาท โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการตั้งเป้าการขยายตัวของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารให้โตขึ้นถึงประมาณ 20% และในช่วงที่ผ่านมากองทุนสำรองเพื่อการเลี้ยงของบลจ.แห่งยังสามารถสร้างความเติบโตจนมีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ๋เป็นอันดับที่ 1 ของอุตสาหกรรมได้อีกด้วย
นายนคร ตามไท ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิดเคพันธบัตรอิตาลี 3 เดือนเอ (KITG3MA) ระหว่างวันนี้ ถึง วันที่ 7 เมษายน 2552 เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะสั้น สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการลงทุนระยะสั้น พร้อมกับโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
สำหรับ กองทุนเปิดเค พันธบัตร อิตาลี 3 เดือนเอ จะมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน และมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายที่จะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐบาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศอิตาลีเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนตลอดอายุการลงทุน
นายนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่บลจ.กสิกรไทย เปิดขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีมีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด คือ P1,A1+ และ F1 จากการจัดอันดับของ Moody’s,S&P และ Fitch ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย
“การที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่ของอิตาลีไม่ได้ลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับ Subprime จึงทำให้อิตาลีไม่ได้รับผลกระทบเหมือนประเทศอื่นๆในยุโรป นอกจากนี้การที่อิตาลีเป็นสมาชิกของ Europe Monetary Union (EMU) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ถือเป็นสิ่งที่ยังช่วยการันตีความมั่นคงทางการเงินของอิตาลีได้”นายนครกล่าว
สำหรับบลจ.กสิกรไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปี 2552 นับเป็นบริษัทที่มีการเปิดขายกองทุนพันธบัตรต่างประเทศมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เสนอขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลีไปแล้วร่วมทั้งสิ้น 6 กองทุน และมียอดการระดมทุนรวมแล้วกว่า 14,993.41 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่อยู่ระหว่างการเสนอขายอีก 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอจี เปิดขาย 26 มี.ค.-1 เม.ย. 52 มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท และกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอช เปิดขาย 30 มี.ค.- 4 เม.ย. 52 มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท
โดย บลจ.กสิกรไทย ให้เหตุผลในการเปิดขายกองทุนประเภทนี้ว่า การเปิดขายกองทุนของบริษัทในปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ตลอดจนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพและ มีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ยังมีจุดแข็งหลายประการ และเป็นตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอย่างยิ่งในภาวะดอกเบี้ยขาลงเช่นปัจจุบัน
นอกจากนี้ ตราสารภาครัฐของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100 % ในด้านอัตราผลตอบแทน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ 3.19 แสนล้านบาท กว่า 2.89 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนรวมมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ 2.14 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ 2.59 แสนล้านบาท โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการตั้งเป้าการขยายตัวของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารให้โตขึ้นถึงประมาณ 20% และในช่วงที่ผ่านมากองทุนสำรองเพื่อการเลี้ยงของบลจ.แห่งยังสามารถสร้างความเติบโตจนมีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ๋เป็นอันดับที่ 1 ของอุตสาหกรรมได้อีกด้วย
