ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ทหารไทย ส่ง 2 กองทุนตราสารหนี้ระดมเงินเข้าพอร์ต 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเอ็กซิมแบงก์เกาหลีใต้ ชูผลตอบแทนสูง 6 เดือนจ่าย 3.65 % ส่วน 12 เดือนจ่าย 4.75 % ต่อปี มั้นใจ แดนกิมจิยังน่าลงทุน เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง เพียงพอชำระหนี้
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 17 -24 มีนาคมนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดขายกองทุนที่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้ จำนวน 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดทหารไทยเกาหลีใต้ 6M1 (TMB South Korean 6M1: TMBSK6M1) อายุโครงการ 6 เดือน และ กองทุนเปิดทหารไทยเกาหลีใต้ 1Y1 (TMB South Korean1Y1: TMBSK1Y1) อายุโครงการ 1 ปี โดยมีมูลค่ากองทุนละ 2,500 ล้านบาท สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของเกาหลีใต้ ในสัดส่วนการลงทุนประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนอายุ 6 เดือนในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.65 ต่อปี และอัตราร้อยละ 4.75 ต่อปีสำหรับกองทุนอายุ 12 เดือน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
“เหตุผลที่เลือกลงทุนในธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของเกาหลีใต้นั้น เพราะนอกจากจะให้อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ยังมีความมั่นคงโดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทซ์ เรตติ้งอยู่ที่ระดับ A+ เนื่องจากถือหุ้นโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ร้อยละ 60 นอกจากนี้ ยังมีธนาคารกลางเกาหลีใต้ และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศเกาหลีใต้ ถือหุ้นอีกร้อยละ 35.2 และ 4.6 จึงได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและการค้ำประกันจากรัฐบาล อีกทั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมายังประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.125 ต่อปี โดยมีนักลงทุนที่สนใจจองซื้อมากกว่า 2 เท่า และส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากสหรัฐและยุโรป ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดเงินต่างประเทศและความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่อธนาคาร” นายไพศาลกล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศรวมประมาณ 201,540 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองสูงสุดอันดับ 6 ของโลก และยังได้รับการสนับสนุนวงเงินต่างประเทศ (Currency Swap Arrangement) จากสหรัฐ ญี่ปุ่น และจีนรวมกันอีก 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาครัฐมีเงินต่างประเทศมากเพียงพอสามารถรองรับกับการครบกำหนดของหนี้ต่างประเทศในปี 2552 ได้
ด้านรายงานข่าวจาก บลจ.กสิกรไทย ระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุนเช่นกัน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี (KKG1YAE) ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท ที่เปิดขายวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ (KKG1YAF) ขนาดกองทุน 4,500 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 17 – 23 มีนาคม 2552
โดยกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี และเอเอฟ ซึ่งกำลังจะเปิดขายดังกล่าว ยังมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา คือเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%
ทั้งนี้ การที่บลจ. กสิกรไทยนำเสนอกองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยไม่เพียงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2 เกาหลีใต้ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 17 -24 มีนาคมนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดขายกองทุนที่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้ จำนวน 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดทหารไทยเกาหลีใต้ 6M1 (TMB South Korean 6M1: TMBSK6M1) อายุโครงการ 6 เดือน และ กองทุนเปิดทหารไทยเกาหลีใต้ 1Y1 (TMB South Korean1Y1: TMBSK1Y1) อายุโครงการ 1 ปี โดยมีมูลค่ากองทุนละ 2,500 ล้านบาท สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของเกาหลีใต้ ในสัดส่วนการลงทุนประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนอายุ 6 เดือนในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.65 ต่อปี และอัตราร้อยละ 4.75 ต่อปีสำหรับกองทุนอายุ 12 เดือน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
“เหตุผลที่เลือกลงทุนในธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของเกาหลีใต้นั้น เพราะนอกจากจะให้อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ยังมีความมั่นคงโดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทซ์ เรตติ้งอยู่ที่ระดับ A+ เนื่องจากถือหุ้นโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ร้อยละ 60 นอกจากนี้ ยังมีธนาคารกลางเกาหลีใต้ และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศเกาหลีใต้ ถือหุ้นอีกร้อยละ 35.2 และ 4.6 จึงได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและการค้ำประกันจากรัฐบาล อีกทั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมายังประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.125 ต่อปี โดยมีนักลงทุนที่สนใจจองซื้อมากกว่า 2 เท่า และส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากสหรัฐและยุโรป ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดเงินต่างประเทศและความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่อธนาคาร” นายไพศาลกล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศรวมประมาณ 201,540 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองสูงสุดอันดับ 6 ของโลก และยังได้รับการสนับสนุนวงเงินต่างประเทศ (Currency Swap Arrangement) จากสหรัฐ ญี่ปุ่น และจีนรวมกันอีก 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาครัฐมีเงินต่างประเทศมากเพียงพอสามารถรองรับกับการครบกำหนดของหนี้ต่างประเทศในปี 2552 ได้
ด้านรายงานข่าวจาก บลจ.กสิกรไทย ระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุนเช่นกัน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี (KKG1YAE) ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท ที่เปิดขายวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ (KKG1YAF) ขนาดกองทุน 4,500 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 17 – 23 มีนาคม 2552
โดยกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี และเอเอฟ ซึ่งกำลังจะเปิดขายดังกล่าว ยังมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา คือเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%
ทั้งนี้ การที่บลจ. กสิกรไทยนำเสนอกองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยไม่เพียงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2 เกาหลีใต้ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง