3บลจ.เดินหน้าออกกองทุนพันธบัตรเกาหลี มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท "กสิกรไทย" รุกหนักสุดเปิดขาย 2 กองต่อเนื่อง ระหว่าง 11-23 มีนาคมนี้ หลัง 4 กองแรกก่อนหน้านี้ระดมทุนได้กว่า 8,400 ล้านบาท "รพี"เชื่อนักลงทุนยังให้ความสนใจบอนด์โสม เหตุความเสี่ยงต่ำและความสามารถในการชำหนี้ของประเทศเกาหลีมีอยู่สูง ด้านบลจ.กรุงไทยรวมวง ปล่อยกองเกาหลี 11-17 มีนาคมนี้ ส่วนนครหลวงไทยประเดิมขายช่วงเวลาเดียวกัน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอดี ที่บริษัทได้เปิดขายไปตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเป็นจำนวนมากทำให้สามารถปิดการขายได้ก่อนวันสุดท้ายของช่วง IPO ด้วยยอดขายได้ราว 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้การนำเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีของบลจ.กสิกรไทย นับตั้งแต่ 2 มกราคม 2552 จำนวนทั้งสิ้น 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอ, เอบี, เอซี และ เอดี ก็มียอดระดมทุนรวมกว่าประมาณ 8,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ ป็นการชี้ชัดว่านักลงทุนยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในประเทศ ประกอบผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีมากขึ้น
นายรพีกล่าวอีกว่า จากความต้องการดังกล่าวบริษัทจึงเตรียมทำการเปิดเสนอขายกองทุนพันบัตรเกาหลีใหม่อายุโครงการ 1 ปีอีก 2 กองทุน และคาดว่าจะสามารถรองรับเงินลงทุนได้ถึง 7,000 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี (KKG1YAE) ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ (KKG1YAF) ขนาดกองทุน 4,500 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 17 – 23 มีนาคม 2552
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี และเอเอฟ ซึ่งกำลังจะเปิดขายนี้ ยังมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา คือเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%
อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะเวลาการเสนอขายที่ต่างกัน อาจจะทำให้กองทุนแต่ละกองมีอัตราผลตอบแทนที่ต่างกันไปบ้างตามสภาวะของตลาดในแต่ละช่วง
นายรพี กล่าวอีกว่า การที่บลจ. กสิกรไทยนำเสนอกองทุนนี้เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยไม่เพียงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2 เกาหลีใต้ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง
“รัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงดำเนินนโยบายการคลังแบบเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างต่ำ สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้สูง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของรัฐบาลเกาหลีใต้”นายรพีกล่าว
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน22 (KTFIF6M22 ) ในวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินในประเทศเกาหลีใต้ ประเภท Euro Commercial Paper (ECP) /Euro Medium Term Note (EMTN) ที่ออกโดยสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับสูงสุด คือ A1 โดย S&P และ F1 โดย Fitch สำหรับผลตอบแทนของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.00% ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน จึง เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน และ เงินลงทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาท (Implied THB Yield) สำหรับระยะเวลาการลงทุนไม่เกิน 1 ปี ค่อนข้างทรงตัว โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (LIBOR) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-5 bp เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยเกิดจากสภาพคล่องและข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกแสดงภาวะถดถอยส่งผลต่อความกังวลด้านเครดิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าทำให้ผลโดยรวมของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M2/09 (SCI FTAF3M2/09) 2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M3/09 (SCI INGI12M3/09)ในระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 นี้
สำหรับ กองทุนFTAF3M2/09 เป็นกองทุนตราสารหนี้ลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ประมาณ 75% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อายุโครงการประมาณ 3 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 2.75% ต่อปี กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
ส่วน กองทุนINGI12M3/09เป็นกองทุนตราสารหนี้ FIFลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) เกือบทั้งหมด อายุโครงการประมาณ 12 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 4.40% ต่อปี กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ทั้ง 2 กองทุน ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอดี ที่บริษัทได้เปิดขายไปตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเป็นจำนวนมากทำให้สามารถปิดการขายได้ก่อนวันสุดท้ายของช่วง IPO ด้วยยอดขายได้ราว 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้การนำเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีของบลจ.กสิกรไทย นับตั้งแต่ 2 มกราคม 2552 จำนวนทั้งสิ้น 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอ, เอบี, เอซี และ เอดี ก็มียอดระดมทุนรวมกว่าประมาณ 8,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ ป็นการชี้ชัดว่านักลงทุนยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในประเทศ ประกอบผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีมากขึ้น
นายรพีกล่าวอีกว่า จากความต้องการดังกล่าวบริษัทจึงเตรียมทำการเปิดเสนอขายกองทุนพันบัตรเกาหลีใหม่อายุโครงการ 1 ปีอีก 2 กองทุน และคาดว่าจะสามารถรองรับเงินลงทุนได้ถึง 7,000 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี (KKG1YAE) ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอฟ (KKG1YAF) ขนาดกองทุน 4,500 ล้านบาท เปิดขายวันที่ 17 – 23 มีนาคม 2552
สำหรับกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เออี และเอเอฟ ซึ่งกำลังจะเปิดขายนี้ ยังมีนโยบายการลงทุนเหมือนกองที่ผ่านๆมา คือเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%
อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะเวลาการเสนอขายที่ต่างกัน อาจจะทำให้กองทุนแต่ละกองมีอัตราผลตอบแทนที่ต่างกันไปบ้างตามสภาวะของตลาดในแต่ละช่วง
นายรพี กล่าวอีกว่า การที่บลจ. กสิกรไทยนำเสนอกองทุนนี้เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความมั่นคง ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยไม่เพียงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับ F1 ซึ่งเป็นอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นที่สูงสุด จากการจัดอันดับของ Fitch Rating, International และถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นที่อันดับ F2 เกาหลีใต้ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง
“รัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงดำเนินนโยบายการคลังแบบเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างต่ำ สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้สูง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของรัฐบาลเกาหลีใต้”นายรพีกล่าว
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน22 (KTFIF6M22 ) ในวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินในประเทศเกาหลีใต้ ประเภท Euro Commercial Paper (ECP) /Euro Medium Term Note (EMTN) ที่ออกโดยสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับสูงสุด คือ A1 โดย S&P และ F1 โดย Fitch สำหรับผลตอบแทนของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.00% ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน จึง เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน และ เงินลงทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาท (Implied THB Yield) สำหรับระยะเวลาการลงทุนไม่เกิน 1 ปี ค่อนข้างทรงตัว โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (LIBOR) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-5 bp เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยเกิดจากสภาพคล่องและข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกแสดงภาวะถดถอยส่งผลต่อความกังวลด้านเครดิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าทำให้ผลโดยรวมของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M2/09 (SCI FTAF3M2/09) 2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M3/09 (SCI INGI12M3/09)ในระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 นี้
สำหรับ กองทุนFTAF3M2/09 เป็นกองทุนตราสารหนี้ลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ประมาณ 75% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อายุโครงการประมาณ 3 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 2.75% ต่อปี กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
ส่วน กองทุนINGI12M3/09เป็นกองทุนตราสารหนี้ FIFลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) เกือบทั้งหมด อายุโครงการประมาณ 12 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 4.40% ต่อปี กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ทั้ง 2 กองทุน ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน